คุมกำเนิดแบบ “รายเดือน” กันดีกว่า

คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ โดย พญ.พิณนภางค์ ศรีพหล

สวัสดีค่ะ สัปดาห์ก่อนเราคุยเรื่องยาคุมแบบ ฉุกเฉินŽ กันไปแล้ว สัปดาห์นี้เราจะมาคุยเกี่ยวกับการคุมกำเนิดแบบไม่ฉุกเฉินกันนะคะ

หมอเขียนในสัปดาห์ที่แล้วว่ายาคุมฉุกเฉินมีฮอร์โมนระดับสูง ถ้าจะทานทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจทำให้เกิดเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด และเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูกด้วย

ดังนั้น ในกรณีที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ต่อเนื่องและยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ หมอขอแนะนำให้คุมกำเนิด

วิธีอื่นดีกว่าค่ะ มีหลายวิธีเลย ไม่ว่าจะทานยาแบบรายเดือน ฉีดยาคุม แปะยา ฝังยา หรือสวมถุงยางอนามัย

วันนี้เราจะมาลงรายละเอียดเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมกันนะคะ ตามร้านขายยามีหลายยี่ห้อมากมาย เราจะรับประทานแบบไหนดี

ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่า

1.เรามีข้อควรระวังในการรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมหรือไม่

– อายุมากกว่า 35 ปี และสูบบุหรี่

– อยู่ในช่วงให้นมบุตร

-เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติแบบไม่ทราบสาเหตุ

– มีโรคประจำตัว ได้แก่ ความดันโลหิตสูงแบบควบคุมได้ไม่ดี มีประวัติลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดกั้น มีประวัติโรคอัมพาต หรือโรคหัวใจ เป็นไมเกรน โรคเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไต ตา เส้นประสาท โรคตับ

ถ้ามีข้อควรระวังดังกล่าว หรือไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนคุมกำเนิดนะคะ ถ้าไม่มีก็สามารถทานได้ค่ะ

2.แต่ละชนิดในท้องตลาด 21 เม็ดบ้าง 28 เม็ดบ้าง มันต่างกันอย่างไร

ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ฮอร์โมนรวมที่ว่า คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสตินค่ะ

โดยตัวหลัก ๆ เอสโตรเจน ในแต่ละยี่ห้อจะมีปริมาณยาต่างกัน

ส่วนตัวโปรเจสติน จะมีหลากหลายชนิด ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวที่ต่างกันในด้านผลข้างเคียง

ถ้าเป็นชนิด 28 เม็ด คือให้ทานทุกวัน วันละเม็ด โดยเม็ดท้ายแผง เป็นเม็ดแป้ง มีไว้เพื่อกันลืมเท่านั้น

ส่วนถ้าเป็นเวอร์ชั่น 21 เม็ด ต้องทาน 21 เม็ด โดยหยุด 7 วันค่อยเริ่มแผงใหม่ค่ะ

3.เริ่มวันไหนดี

ถ้าจะหวังผลคุมกำเนิดในแผงแรก ควรทานภายใน 5 วันแรก โดยนับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็น

วันที่ 1 ถ้าไม่ได้เริ่มใน 5 วันนี้ ในช่วงแผงแรก ควรคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัยค่ะ

4.ข้อดี

ประสิทธิภาพดี มีโอกาสตั้งครรภ์ 1 ใน 100 ราย หากใช้แบบถูกต้องเป๊ะ ๆ แต่ในโลกแห่งความจริง ทานบ้าง

ลืมบ้าง อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 9 รายใน 100 ราย

ส่วน หากตั้งการจะตั้งครรภ์ สามารถหยุดยา และปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้เลย (แค่ลืมก็ท้องได้แล้ว) และถ้าหากเผลอทานไปในระยะตั้งครรภ์เริ่มแรก ก็ไม่ทำให้ทารกมีความผิดปกติ หรือแท้งบุตรได้ค่ะ

ข้อดีอื่น ๆ ได้แก่

– ลดมะเร็ง : ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่ มะเร็งในเยื่อบุโพรงมดลูก

– ประจำเดือนดี๊ดี : ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม สามารถลดการปวดประจำเดือน ลดปริมาณเลือดประจำเดือนได้ด้วย บางชนิดสามารถลดอาการก่อนมีประจำเดือนได้ การทานยาคุมจะทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แบบคาดเดาได้ สามารถเลื่อนประจำเดือนได้ด้วย (เช่น ถ้าทานแบบ 21 เม็ด ถ้าหมดแผง

ยังไม่อยากมีประจำเดือนก็เริ่มแผงใหม่ได้เลยค่ะ ส่วนแบบ 28 เม็ด ก็แค่ไม่ทานเม็ดแป้ง แล้วเริ่มแผงใหม่ได้เลย)

– รักษาถุงน้ำรังไข่บางชนิด

– บางชนิดทานแล้วหน้าใส

– ลดการผลิตฮอร์โมนเพศชายในโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ

พูดถึงข้อดีมาเยอะแล้ว ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เจ็บ

เต้านม ความดันโลหิตสูง เลือดออกกระปริดกระปรอย

ได้ค่ะ และยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ค่ะ

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมเป็นตัวเลือกคุมกำเนิดที่ดีค่ะ สะดวก หาซื้อง่าย ข้อดีมากมาย ผลข้างเคียงน้อย ขอแค่ไม่ลืมทานก็พอ สวัสดีค่ะ