Killing Ground ความโหดเลือดสาดอาจหน่อมแน้ม แต่เห็นความ “ระยำ” น่ากลัวของมนุษย์

ได้รับความสนใจจากคอหนังสายโหด ในฐานะหนังสัญชาติออสซี่ที่ไปสร้างชื่อในเทศกาลซันแดนซ์ พอเข้ามาฉายไทย ก็ได้ชื่อเล่นสุดโหดเก๋ๆ ว่า “แดนระยำ” คอหนังคงเดาทางได้ว่า พอตัวละครไปตั้งแคมป์ในป่า จะต้องเผชิญกับชะตากรรมจนลืมไม่ลงอย่างไรบ้าง หน้าหนังทำให้เรานึกถึงหนังรุ่นพี่อย่าง Funny Games, Eden Lake หรือแม้กระทั่งหนังคลาสสิคอย่าง The Hill Have Eyes ที่เล่นกับบรรยากาศ และกดดันคนดูจนหายใจไม่ทั่วท้อง และมีฉากเด็ดจนเป็นที่ร่ำลือจนต้องพูดถึง

สำหรับ Killing Ground หนังมีครบองค์ประกอบที่หนังระทึกขวัญควรจะมี เดินเรื่องโดยใช้ซาวด์ประกอบน้อยที่สุด อาศัยความเงียบ นิ่ง บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจคอยเล่นงานตัวละคร กดดันคนดูไปเรื่อยๆ พร้อมเล่าผ่าน 3 สถานการณ์พร้อมๆ กัน ทั้งคู่รักที่มาตั้งแคมป์ กลุ่มคนที่หายไป และพฤติกรรมของตัวร้าย ที่ค่อยๆ ปูมาบรรจบกัน แม้จะไม่ได้ซับซ้อนจนเดายากอะไร แต่เป็นการพยายามเล่า และวางกับดักให้คนดูติดตาม เล่นกับความ “อยากรู้” ของคนดูได้น่าสนใจทีเดียว

แต่หากคอหนังสายโหดที่ต้องการมาดูฉากไล่ฆ่าอาจจะผิดหวัง แต่หนังมาพร้อมภาพการกดขี่ ทารุณที่ชวนหดหู่ จิตตก บีบอารมณ์ การข่มขืน ความรุนแรงกับเด็กทารก แม้จะไม่ได้สื่อให้เห็นโต้งๆ แต่มันทำให้เห็นความน่ากลัวของดันดานดิบ “มนุษย์” ที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ร้าย ที่น่ากลัวกว่าผี ปีศาจ หรือและแม้กระทั่งสัตว์เองก็ตาม หนังดูจะเน้นตรงนี้เสียมากกว่า ในส่วนของการกดดันคนดู ถือว่าหนังประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังค่อนข้างบีบคนดูได้ดี

อีกทั้งยังทำให้คนดูเอาใจช่วยตัวละคร และสร้างคำถามเชิงจิตวิทยาในใจว่า หากเราตกอยู่ในสถาณการณ์เช่นนั้น เราจะเลือกตัดสินใจแบบไหนกันแน่ จะช่วย หรือ หนี

อีกหนึ่งจุดเด่นอยู่ที่การแคสติ้งนักแสดงโนเนม ที่ทำให้หนังดูจริงมากขึ้น โดยเฉพาะสองตัวร้ายในหนัง หน้าตาผิดระเบียบและไม่น่าไว้วางใจเอามากๆ มีความจิตทั้งแววตา และการกระทำที่เดาไม่ออกเลยว่า มันจะทำอะไรต่อ และสามารถยกระดับความ “ระยำ” ได้ถึงขั้นไหนอีก ผู้เขียนชอบที่หนังเรียกพฤติกรรมการเข้าป่าของสองคนนี้ว่า “ไปล่า” ทำให้ตัวละครนี้ไม่ต่างจากสัตว์ ที่ต้องออกล่า ที่ไม่ใช่การล่าเพื่ออยู่รอด แต่ทำเพื่อสะใจ และไม่มีเหตุผลใดๆ มารองรับ อันนี้น่ากลัวกว่าทุกสิ่ง

อีกอย่างที่ชอบ ยังทำให้เราเห็นว่า คนทีมี “ปืน” คือคนที่มีอำนาจเหนือกว่า สามารถกดขี่ ข่มเหง ผู้ที่อ่อนแอกว่าได้ และการมีปืน ก็เปลี่ยนสถานะจากมนุษย์ เป็นผู้ล่าที่สามารถตัดสินชีวิตคนอื่นได้ในทันที

แม้หนังจะดูหน่อมแน้มในแง่ความโหด ป่าเถื่อน และพล็อตไม่ได้ใหม่อะไรมาก ไปจนถึงไม่มีฉากที่น่าจดจำใดๆ เลย แต่หนังก็ทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งในแง่อารมณ์ การดันคนดูไปกับสถานการณ์ บรรยากาศในหนัง และความน่ากลัวของมนุษย์ได้

อย่างน้อยๆ ก็แหยงที่จะไปเข้าป่าได้บ้างเหมือนกันล่ะ…