Music Talk by ท้องฟ้าสีเทา
ตอนที่ทราบข่าวเจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ นอกจากประเด็นความสูญเสีย ประเด็นทางธุรกิจของคิง เพาเวอร์ และประเด็นเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ก็มีอีกประเด็นหนึ่งที่เรานึกถึงคือประเด็นวงดนตรีกับทีมฟุตบอลที่เกื้อหนุนกัน ซึ่งอยากเขียนถึงมานานแล้ว เพราะรู้ว่าเลสเตอร์ ซิตี้ มีวงดนตรีที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของทีมอยู่หนึ่งวง คือ คาเซเบียน (Kasabian) วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกจากอังกฤษที่คนไทยรู้จักคุ้นหูกันอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้เขียนซะที
จนวันหนึ่งหลังเกิดเหตุ ผู้คนมากมายไปวางดอกไม้ไว้อาลัยเจ้าสัววิชัยที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม มีภาพและข่าวออกมาว่าหนึ่งในนั้นคือ ทอม เมแกน (Tom Meighan) นักร้องนำวงคาเซเบียน
- เช็กที่นี่ ออมสิน-ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อปิดหนี้นอกระบบ 20,000 บาท ใครกู้ได้บ้าง!
- กรุงเทพฯ กปน.หยุดจ่ายน้ำ 21 มี.ค. 18 พื้นที่ รับมือน้ำไม่ไหล เช็กที่นี่
- เร่งสายสีแดง มธ.รังสิต-มหิดล ศาลายา คอนโดฯ-บ้านเดี่ยวจ่อเปิดตัวรับเทรนด์ปีมังกร
ทอม ในสีหน้าและแววตาโศกเศร้า ให้สัมภาษณ์สื่อว่า เขาเสียใจมากกับการสูญเสียครั้งนี้
“พวกเขาเป็นคนที่อัศจรรย์มาก พวกเขาเข้ามาที่นี่แล้วช่วยให้สโมสรเราหมดหนี้สิน และรอดพ้นจากการหนีตกชั้น พวกเขาพาเราคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนความฝันดับสิ้นไปแล้ว
ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ผมเสียใจกับเรื่องนี้มาก ผมมาเพื่อแสดงความเคารพผู้ชายที่ช่วยสโมสรของเรา ผมรู้สึกแย่มากตอนนี้ ผมจำได้ ผมเคยเจอกับคุณวิชัยสองครั้ง และผมเคยมาเล่นที่สนามแห่งนี้สองครั้ง ผมเคยเจอเขา เขาทักทายผม และกอดผม มันเป็นความทรงจำที่ดีมาก ผมคิดว่าเลสเตอร์ตอนนี้รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น เราต้องใช้เวลาอีกนานในการฟื้นฟูจิตใจ”
ข่าวนี้ยิ่งชวนให้นึกถึงความเชื่อมโยงเกื้อหนุนกันระหว่างวงดนตรีกับทีมฟุตบอล และคิดว่าช่วงนี้น่าจะเหมาะที่จะนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง
ในอังกฤษ ฟุตบอลและดนตรีมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก ถ้าใครดูบอล ก็คงจะสังเกตเห็นว่าแต่ละสโมสรจะมีเพลงธีมของตัวเองที่ใช้เปิดในสนามเวลาก่อนหรือหลังแข่ง ซึ่งมักจะเป็นเพลงเดิม นั่นก็เพราะหลาย ๆ สโมสรมีคอนเซ็ปต์การเปิดเพลงที่มีความเชื่อมโยงกับสโมสร
เลสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างสโมสรฟุตบอลกับวงดนตรีอย่างแน่นแฟ้น กับวงคาเซเบียนนี่เอง
ตอนที่เราได้ไปเยือนสนามซ้อมและสนามแข่ง คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของเลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เห็นว่าในสโตร์มีโซนสินค้าคอลเล็กชั่นพิเศษที่เลสเตอร์ทำร่วมกับวงคาเซเบียน ก็เลยถือโอกาสถามเรื่องนี้กับคุณภุ หรือ ภุชงค์ มัสยวาณิช Assistant Club Secretary ของเลสเตอร์ ซิตี้
คุณภุชงค์เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเลสเตอร์ซิตี้กับคาเซเบียนให้ฟังว่า ด้วยความที่สมาชิกวงคาเซเบียนสองคน คือ ทอม เมแกน นักร้องนำ และ เซอร์จิโอ ลอเรนโซ มือกีตาร์ เป็นชาวเมืองเลสเตอร์ และเป็นแฟนบอลเลสเตอร์ ซิตี้ มาตั้งแต่เด็ก ส่วนฝั่งสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ก็มีวงคาเซเบียนเป็นแฟนบอลที่มีชื่อเสียงที่สุด จึงมีการติดต่อกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ กับคาเซเบียนจึงเชื่อมโยงกันมาตลอด
เพลงที่เลสเตอร์เปิดในสนามก่อนและหลังแข่งก็เป็นเพลง Fire ของคาเซเบียน ซึ่งมาจากคอนเซ็ปต์ของสโมสรที่ต้องการเพลงที่เชื่อมโยงกับสโมสร จึงต้องเป็นเพลงของคาเซเบียน แต่ให้นักฟุตบอลโหวตเลือกกันเองว่าเพลงไหนที่กระตุ้นจิตใจของนักเตะได้ดีที่สุด ซึ่งนักเตะเลือกเพลงนี้ จากนั้นเลสเตอร์จึงใช้เพลงนี้ทุกแม็ตช์ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว
“ตอนเราได้แชมป์ คาเซเบียนก็มาร้องเพลงในงานฉลอง ฤดูกาลนั้นสมาชิกวงเข้ามาดูการแข่งขันเกือบทุกนัด เขามาเตะบอลเล่นกันกับนักแตะชุดใหญ่ของเลสเตอร์ปีละครั้ง และเขาเชิญนักเตะเลสเตอร์ไปดูคอนเสิร์ตเขาบ่อย ๆ”
แม้ว่าจะคล้ายกันกับหลาย ๆ ศิลปินที่มีความผูกพันเชื่อมโยงกับสโมรฟุตบอลในบ้านเกิดของตัวเอง แต่ในกรณีของคาเซเบียนกับเลสเตอร์นั้นดูจะมากกว่าคู่อื่น ๆ เพราะถึงขนาดมีการออกคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าพิเศษร่วมกัน ซึ่งทำมา 2 ปีแล้ว (ตอนนี้กำลังขึ้นปีที่สาม)
คุณภุชงค์บอกว่า เลสเตอร์ ซิตี้ เริ่มทำสินค้าคอลเล็กชั่นพิเศษร่วมกับคาเซเบียนมาตั้งแต่ปีที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะอยากขยายสโตร์ให้มีสินค้าที่เจาะลูกค้าหลายกลุ่ม ไม่เฉพาะแฟนฟุตบอลอย่างเดียว อย่างสินค้าที่ทำกับคาเซเบียนจะเป็นเสื้อผ้าลำลอง ทำปีละคอลเล็กชั่น ซึ่งทางวงได้เข้ามามีส่วนในการออกแบบร่วมกับทีมดีไซน์ของสโมสรว่าอยากทำอะไรบ้าง คุยกันว่าดีไซน์แบบไหนที่เข้ากับสไตล์ของคาเซเบียน แต่ยังมีความเป็นเลสเตอร์อยู่ด้วย
“วงก็ให้ใจกับทีมเต็มที่ ไม่คิดค่าเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งใด ๆ เขาถือว่ามาช่วย และเขาถือว่าเขาได้โปรโมตตัวเองด้วย เป็นการแลกเปลี่ยน ส่งเสริมกัน และเขาเต็มใจจะทำ เพราะเขาเป็นแฟนเลสเตอร์”
ตอนที่คุยกับคุณภุชงค์ เป็นการถามแบบปุบปับที่เขาไม่ได้เตรียมข้อมูลด้านนี้มา ก็เลยไม่มีข้อมูลตัวเลขว่าสินค้าคอลเล็กชั่นพิเศษนี้ทำยอดขายได้มากน้อยแค่ไหน แต่เขาบอกว่า เวลามีแม็ตช์แข่งขันก็เห็นแฟนบอลสวมเสื้อคอลเล็กชั่นของคาเซเบียนมาดูเยอะ คิดว่าน่าจะขายได้ดีพอสมควร
นอกจากนั้นคุณภุชงค์บอกว่า ทีมงานของสโมสรติดต่อพูดคุยกับวงคาเซเบียนและผู้จัดการวงตลอดว่าจะทำอะไรร่วมกันบ้าง เสนอกันไป-มา เคยคุยเรื่องการทำเพลง การทำโปรเจ็กต์ร่วมกัน แต่ต้องรอให้วงว่างจากทัวร์ รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตที่สนาม ซึ่งทางวงก็บอกว่าอยากเล่นให้เลสเตอร์นะ แต่ไม่อยากเล่นบ่อยทุกปี เพราะอยากให้การเล่นคอนเสิร์ตแต่ครั้งเป็นคอนเสิร์ตครั้งพิเศษของทั้งวงและสโมสร
“อย่างตอนที่มาเล่นฉลองแชมป์นั้นพิเศษมาก ตอนนั้นวงก็ยุ่ง แต่เขายอมแคนเซิลทัวร์ เพื่อมาเล่นให้เลสเตอร์ เพราะเป็นวาระพิเศษ”
นั่นคือคำบอกเล่าจากคนของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น จากเดิมที่เรารู้เพียงว่าคาเซเบียนเป็นแฟนบอลเลสเตอร์ และไปเชียร์เลสเตอร์แข่งบ่อย ๆ เหมือนกับที่เคยได้ยินข่าวว่าโนลและเลียม กัลลาเกอร์ ไปเชียร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บ่อย ๆ
นอกจากเพลง Fire ที่เป็นเพลงธีมในสนามแข่งของเลสเตอร์ ซิตี้แล้ว วงคาเซเบียนยังมีเพลง Underdog อีกเพลงที่เชื่อมโยงกับสโมสรฟุตบอลเป็นอย่างดี เพราะเนื้อหา ความหมายคำว่า “Underdog” มันโดนใจสโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ที่ถูกมองเป็น “ไม้ประดับ” เป็น “ม้านอกสายตา” เพลงนี้จึงถูกนำไปใช้เป็นเพลงธีมของสโมสรเล็ก ๆ หลายสโมสรในลีกรอง ๆ ล่าง ๆ ลงไป
————————————
*ตอนที่คุยกัน คุณภุชงค์ถามว่า “คาเซเบียนดังมั้ยครับที่เมืองไทย” เราตอบไปว่า ดังประมาณหนึ่งในหมู่คนฟังเพลงอินดี้ ตอนที่ตอบก็แอบหวังว่าในอนาคต คิง เพาเวอร์จะชวนคาเซเบียนมาไทยบ้างมั้ยนะ ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป …ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ อย่างการที่เลสเตอร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก โอกาสน้อยแค่ไหนก็ยังเกิดขึ้นจริงไปแล้ว