เที่ยวสายบุญ! “จิบชา-สนทนาธรรม” กับพระภิกษุณีในเกาหลีใต้ …ที่ “วัดจินกวานซา”

โดย นุ่มนิ่มนำโชค

อันยองค่า! คุณผู้อ่านทุกท่าน ^^ วันนี้ “นุ่มนิ่มนำโชค” ขอพาผู้อ่านไปปักหมุดกันที่เกาหลีใต้อีกแล้ว กับที่เที่ยวที่ใหม่ซึ่งนั่นก็คือ “วัด” นั่นเองค่ะ

แหม…ถึงแม้หน้าตานุ่มนิ่มจะดูเหมือนนางมารร้าย แต่ก็เป็นสายบุญคนหนึ่งนะคะ หลังเสร็จภารกิจตามหาโอปป้าหน้าตึกแล้ว นุ่มนิ่มและหมู่คณะก็ขอเข้าวัดเข้าวากันบ้างที่ “วัดจินกวานซา” (Jinkwansa)

นั่งรถจากตัวเมืองแป๊บเดียวก็มาถึงวัดจินกวานซากันแล้ว สูดอากาศสดชื่นตรงหน้าวัดกันก่อนจะเดินขึ้นเนินไปด้านใน ด้วยทำเลของวัดที่อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติบุคฮันซาน รายล้อมไปด้วยภูเขา แค่ส่วนทางเข้าบรรยากาศก็เขียวขจี อากาศแบบดีเฟร่อ…

ระหว่างทางมีทั้งนักท่องเที่ยว เด็กๆ วัยประถมและวัยอนุบาลที่คุณครูพามาทัศนศึกษาที่วัด ซึ่งทุกคนต้องเดินมาเองโดยมีคุณครูคอยประกบหัวแถว-ท้ายแถว ซึ่งเราก็คาดว่า นี่คงเป็นอีกวิธีหนึ่งให้เด็กๆ รู้จักดูแลตัวเอง มีวินัย ใส่ใจเพื่อน (มาเป็นคำขวัญ)

เดินมาอีกระยะหนึ่ง พระภิกษุณีที่จะพาเราชมที่นี่ยืนรอเราอยู่แล้ว สาวสวยเรียบร้อยอย่างนุ่มนิ่มนมัสการพระภิกษุณีเสร็จสรรพ พระภิกษุณีก็เล่าประวัติของที่นี่ให้เราฟังกันเล็กๆ น้อยๆ ว่า วัดจินกวานซาเป็น 1 ใน 4 วัดสำคัญประจำกรุงโซล สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1010 โดยกษัตริย์ฮยอนจอง กษัตริย์พระองค์ที่ 8 ในราชวงศ์โครยอ เพื่ออุทิศให้กับพระอุปัชฌาย์ชื่อจินกวาน ต่อมาในสมัยราชวงศ์โชซ็อน กษัตริย์เซจงได้สร้างห้องสมุดขงจื๊อไว้แต่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามเกาหลี ต่อมาได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่เป็นอาคารปัจจุบัน

เดินไปฟังไป พระภิกษุณีก็พาเรามาที่อาคารหลังหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีชงชาให้กับแขกที่มาเยือน ก่อนเข้าเราต้องถอดรองเท้า เข้าไปนั่งที่ที่นั่งที่ทางวัดไว้ให้เพื่อรอเจ้าอาวาส

เมื่อเข้าอาวาสของวัดซึ่งเป็นภิกษุณีเช่นกันเดินทางมาถึง เราทำความเคารพเจ้าอาวาส ก่อนที่เจ้าอาวาสจะเริ่มชงชาเขียวที่เรียกว่า “ชามินชิกซอล” ที่ปลูกบริเวณภูเขาทางภาคใต้ และให้ภิกษุณีรูปอื่นมารินชาให้เรา เมื่อเภิกษุณีรินชาให้แล้ว เราจะต้องทำความเคารพเจ้าอาวาสอีกครั้งด้วยการไหว้ ก่อนที่จะใช้มือขวาถือถ้วย ใช้มือซ้ายรองก้นถ้วย ดูสี ดมกลิ่น แล้วดื่ม โดย 1 ถ้วยแบ่งดื่ม 3 ครั้ง ระหว่างการดื่มแต่ละครั้งก็สนทนากับเจ้าอาวาสไปด้วย

สำหรับวัฒนธรรมการดื่มชาในเกาหลีจะมีความเป็นทางการและเป็นระเบียบมาก สมัยก่อนผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องใส่ชุดฮันบก ผู้ชงชาจะต้องเป็นนักชงชา ซึ่งจะต้องเป็นพระหรือราชวงศ์เท่านั้น

เมื่อดื่มน้ำชาแล้ว บนโต๊ะเบื้องหน้าจะมีสตรอเบอร์รี่ ขนมที่คล้ายๆ กับตาล แต่ไม่หวาน และขนมข้าว ซึ่งเป็นข้าวพองๆ กรอบๆ ให้กินคู่กับการดื่มชา เนื่องจากการดื่มชาเขียวอย่างเดียวอาจทำให้แสบท้องได้ จึงต้องมีของหวานเข้ามาเสิร์ฟด้วย นอกจากนี้ บนโต๊ะของเรายังมีดอกไม้ประดับ ซึ่งหมายถึงความโชคดีและรอยยิ้ม

การสนทนาธรรมระหว่างการดื่มชาครั้งนี้จะเน้นไปที่แนวคิดการยิ้มรับกับทุกคำพูด ทุกสถานการณ์ ทุกสิ่งที่เข้ามาปะทะกับเราไม่ว่าจะดีหรือร้าย ให้เรายิ้มรับเสมอ แต่การยิ้มรับเรื่องดีก็ไม่ใช่ยิ้มรับจนเกินเหตุและยึดติดไปกับเรื่องดีๆ เพราะชีวิตก็ต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ บ้าง สำคัญคือเราต้องมี “สติ” อยู่กับเราเสมอนั่นเอง

จิบน้ำชา สนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสเสร็จสรรพ เรากราบลาเจ้าอาวาส ก่อนที่ภิกษุณีรูปแรกจะพาเราไปชมส่วนอื่นๆ ของวัด ไม่ว่าจะเป็นหอหนังสือ หอสวดมนต์ ที่มีภิกษุกำลังสวดมนต์อยู่ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีที่พักซึ่งเป็นโรงนอนและห้องพักสำหรับผู้ที่ต้องการมาพักที่วัด ตามการท่องเที่ยวแบบ “Temple Stay” ที่เกาหลีเขาเริ่มสนับสนุนมาหลายปีแล้ว

โดยกิจกรรมของวัดจินกวานซาที่รองรับนักท่องเที่ยวนั้น นอกจากการดื่มชาและสนทนาธรรมกับพระแล้ว ยังมีการเดินขึ้นเขาทำสมาธิ, การทำงานวัด เช่น ทำความสะอาด ร่วมกับพระและผู้อื่น, การสวดมนต์, นั่งสมาธิ, ทำอาหารวัด เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกโปรแกรมที่ต้องการกับทางวัดได้

ใครอยากเที่ยวสายบุญในเกาหลีแบบนุ่มนิ่มนำโชค วัดจินกวานซาตอบโจทย์ได้แน่นอนจ้า!