ประธานสายการบินชื่อดังจากไอร์เเลนด์ ‘ไรอันเเอร์’ ลั่น ยุคเเห่งเที่ยวบินราคาประหยัด 10 ยูโรต่อเที่ยว สิ้นสุดลงเเล้ว สาเหตุจากเศรษฐกิจอ่วม น้ำมันเเพง แถมยังขาดเเรงงานจากพิษเบร็กซิต
วันที่ 11 สิงหาคม 2565 บีบีซี รายงานว่า ไมเคิล โอเลียรี ผู้บริหารระดับสูง เเห่งสายการบินราคาประหยัด ไรอันเเอร์ ออกมายอมรับว่าจะไม่ให้บริการเที่ยวบินในราคาถูกที่สุดอีกต่อไป เนื่องมาจากราคาต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และยุคเเห่งตั๋วบินราคา 10 ยูโร (363.33 บาท) นั้น ได้จบลงเเล้ว
หลังจากค่าโดยสารเฉลี่ยของสายการบินจะเพิ่มขึ้นจากราว ๆ 40 ยูโร (33.75 ปอนด์) หรือ 1,453 บาท เมื่อปีที่เเล้ว มาเป็นราคากว่า 50 ยูโร หรือ 1,816.35 บาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า
แต่โอเลียรีเชื่อว่าผู้คนจะโดยสารเครื่องบินบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าค่าครองชีพจะสูงขึ้นก็ตาม
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่กลุ่มล่างสุดของตลาด ค่าโดยสารโปรโมชั่นราคาถูกจริง ๆ ของเรา ทั้งค่าโดยสาร 1 ยูโร ค่าโดยสาร 0.99 ยูโร (36.33 บาท) หรือแม้กระทั่งค่าโดยสาร 9.99 ยูโร ผมคิดว่าพวกคุณจะไม่เห็นค่าโดยสารเหล่านั้นเเล้ว ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” โอเลียรีกล่าวกับรายการวิทยุของทางบีบีซี
ส่วนต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นนั้น ไม่เพียงเเต่ผลักดันให้ราคาค่าโดยสารเเพงขึ้น แต่ยังเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อพลังงานของภาคครัวเรือน กัดกินรายได้ที่ต้องนำไปจับจ่ายใช้สอยด้านอื่น ๆ แต่โอเลียรีก็บอกว่า เเม้จะเป็นเช่นนั้น เขาคาดหวังว่าลูกค้าจะพากันเเสวงหาตัวเลือกสายการบินที่ราคาถูกมากกว่า เเทนที่จะเลิกใช้บริการสายการบินไปเลย
“เราคิดว่าผู้คนจะยังคงใช้บริการสายการบินต่อไปเรื่อย ๆ แต่พวกเขาจะอ่อนไหวต่อราคามากขึ้น ดังนั้น ผมคิดว่าพวกเขาก็จะลองคิดเปรียบเทียบดู”
ด้วยเหตุที่ค่าตั๋วเครื่องบินมีราคาถูกลงในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น พร้อมกับมีผู้คนจำนวนมากหันมาเดินทางพักผ่อนต่างประเทศเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ในช่วงวันหยุดพักร้อนประจำปี โดยสายการบินอย่าง ไรอันแอร์, อีซี่เจต, วูเอลลิง เเละวิซซ์ แอร์ เเข่งขันกันเพื่อเสนอบริการราคาประหยัด
สายการบินลงทุนซื้อเครื่องบินประหยัดพลังงาน
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปแล้วเป็นสัดส่วนปริมาณกว่า 2.4% จากทั่วโลก เเละภาคส่วนนี้ก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันให้ลดระดับผลกระทบต่อสภาพอากาศ รวมถึงการรณรงค์ชักชวนให้ผู้คนหันไปเดินทางโดยรถไฟเเละทางถนน
อย่างไรก็ตาม โอเลียรีโต้เถียงว่าเเท้จริงเเล้วการขนส่งทางถนนเเละทางเรือนั้น โดยรวมเเล้วเป็นผู้ก่อมลพิษก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า เเละเสริมว่าการพุ่งเป้าการลดการปล่อยมลพิษไปที่อุตสาหกรรมการบินนั้นเป็นจุดที่ผิด
เขายังได้กล่าวว่าไรอันเเอร์ได้ลงทุนในเครื่องบินที่ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น แต่การลดเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มากขึ้นนั้น น่าจะมาจากการเปลี่ยนจากรถยนต์น้ำมันเบนซินและดีเซลไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้ามากกว่า
ท่ามกลางการเเพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ซึ่งได้หยุดชะงักการเดินทางข้ามประเทศอย่างรุนเเรง สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้คนต่างกระตือรือร้นต้องการกลับไปใช้บริการสายการบินอีกครั้ง
เเต่เมื่อความต้องการเดินทางทางอากาศได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง การขาดเเคลนพนักงานกลับนำไปสู่การล่าช้าเเละการยกเลิกเที่ยวบินตามสนามบินต่าง ๆ ทั้งในสหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ ผู้โดยสารบางคนยังถูกบังคับให้ต้องรอนานหลายชั่วโมง หรือถึงขั้นต้องเปลี่ยนเเผนการเดินทางในนาทีสุดท้าย
ขณะที่ โอเลียรีกล่าวว่าทางไรอันเเอร์สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ดีกว่าสายการบินอื่น ๆ เนื่องจากพวกเขาเลือกที่จะตัดสินใจเริ่มรับสมัครเเละฝึกอบรมลูกเรือเเละนักบินตั้งเเต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่เเล้ว ตอนที่ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนยังกระทบต่อการเดินทางระหว่างประเทศอยู่
6 เดือนแรกปีนี้ เที่ยวบินถูกยกเลิก 0.3%
ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2565 ไรอันเเอร์ได้ยกเลิกเที่ยวบินไปกว่า 0.3% ของทั้งหมด เทียบกับยอดรวมของ บริติช เเอร์เวย์ อยู่ที่ 3.5% และ อีซี่เจ็ต 2.8% ตามข้อมูลของที่ปรึกษาการเดินทางทางอากาศ หรือ OAG
โอเลียรีกล่าวว่าเขามี “ความเห็นอกเห็นใจน้อยมาก” สำหรับสนามบินต่อกรณีความล่าช้าที่เกิดขึ้น พร้อมกล่าวหาท่าอากาศยานฮีโทรว์ ว่าผิดพลาดในการรับผิดชอบ แต่ก็มีความหวังว่าปัญหาที่สนามบินในอังกฤษจะถูกแก้ไขได้ในที่สุดภายในช่วงฤดูร้อนปีหน้า แต่เบร็กซิตนั้นจะยังคงเป็นความท้าทายต่อการจ้างพนักงานต่อไป
ด้วยการเน้นย้ำว่าการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นหายนะสำหรับ “การเคลื่อนย้ายเเรงงานโดยเสรี” เเละเรียกร้องให้รัฐบาล “ซื่อสัตย์และยอมรับ” ว่าพวกเขาเป็นสาเหตุของภาวะขาดเเคลนเเรงงาน
ตลาดเเรงงานของสหราชอาณาจักรได้ “พังทลายลงเเล้ว” เเละมันถึงเวลาเเล้วที่สหราชอาณาจักรจะต้องพิจารณายกเลิก “ข้อกำหนดที่โง่เขลาบางอย่างของเบร็กซิต” เขาเเย้ง พร้อมกับชี้ว่าภารกิจหลักสำหรับนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของสหราชอาณาจักรควรจะเป็นการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป รวมถึงการเคลื่อนย้ายเเรงงานโดยเสรี
อ้างอิงจากข้อมูลของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศล่าสุดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องบินในภูมิภาคยุโรปได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 71.7% เมื่อเทียบกับปีที่เเล้ว