AIA มูลค่าธุรกิจใหม่ดรอป 13% หลังวิกฤตโควิด จีน-ฮ่องกง ยอดขายเริ่มฟื้น

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ผลประกอบการครึ่งแรกปี’65 มูลค่าธุรกิจใหม่ลดลง 13% เหตุล็อกดาวน์โควิดในตลาดหลัก “บริษัทประกันในจีน-ฮ่องกง กระทบยอดขาย” มิ.ย.-ก.ค.เริ่มฟื้นกลับ

วันที่ 25 สิงหาคม 2565 นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ (AIA) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 65) เอไอเอมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 1,536 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 13% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากเอไอเอประเทศจีนได้รับผลกระทบอย่างมาก จากมาตรการกักกันที่เข้มงวดในนครเซี่ยงไฮ้, เมืองซูโจว และกรุงปักกิ่ง ประกอบกับผลการดำเนินงานช่วงครึ่งแรกของปี’64 ได้รับแรงหนุนจากยอดขายประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมสูงเป็นพิเศษ

โดยเอไอเอมีบี้ยประกันรับปีแรก (ANP) จำนวน 2,778 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7% แต่อย่างไรก็ดียอดขายเริ่มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/65 เป็นผลจากสถานการณ์การระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มลดความรุนแรงลง ทำให้ VONB กลับมาเป็นบวกในเดือน มิ.ย. โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) อยู่ที่ 55.2%

ทั้งนี้การเติบโตของพอร์ตโฟลิโอคุณภาพสูงของเอไอเอ ทำให้กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ปรับตัวมาอยู่ที่ 3,223 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% และส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% มาอยู่ที่ 3,190 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของเอไอเอยังคงแข็งแกร่งมาก

โดยสิ้นเดือน มิ.ย. 65 เอไอเอมีเงินกองทุนส่วนเกิน 20.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นมากว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศ (Group LCSM) ของกลุ่มบริษัทเอไอเอครอบคลุมอัตราส่วนที่ 277% ถึงแม้จะมีความตึงเครียดอย่างมากในตลาดทุนก็ตาม

สำหรับส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 72.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% ในช่วงครึ่งปีแรก ก่อนคืนทุน 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในปี’64 และคณะกรรมการ (บอร์ด) ได้ประกาศการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้น 6% เป็น 40.28 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น โดยเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ ซึ่งช่วยให้มีโอกาสเติบโตในอนาคตและความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัท

นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าวต่อว่า เอไอเอได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลและการวิเคราะห์ (TDA) มาใช้อย่างกว้างขวางทั่วทั้งกลุ่มบริษัทเอไอเอ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจและช่วยสร้างความยืดหยุ่นของธุรกิจ โดยตัวแทนของเอไอเอได้ปรับเปลี่ยนวิธีการขายจากแบบพบหน้ากันมาเป็นการขายทางไกลในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว

จากการแพร่ระบาดของโควิดทำให้กิจกรรมการขายแบบพบหน้ากันลดน้อยลง และหันกลับมาใช้ประโยชน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นหลักในการจัดการ ซึ่งเป็นช่องทางที่ทรงพลังในการสร้างลูกค้าใหม่ ธุรกิจใหม่ที่มาจากตัวแทนเพิ่มขึ้นเดือนต่อเดือนในไตรมาส 2 และทำให้ VONB กลับมาเติบโตในเดือน มิ.ย.

สำหรับเดือน ก.ค. 65 เอไอเอได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีตัวแทน MDRT (สโมสรล้านเหรียญโต๊ะกลม) มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก เป็นระยะเวลา 8 ปีติดต่อกัน บ่งบอกถึงคุณภาพที่ดีเยี่ยม ความเป็นมืออาชีพของตัวแทนในการให้คำแนะนำและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเอไอเอ

และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับธนาคารชั้นนำ เอไอเอได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมากในฮ่องกง, มาเลเซีย และอินเดีย โดยภาพรวมของธุรกิจสำหรับช่องทางการขายผ่านพันธมิตรมีรายงานการเติบโตเพิ่มขึ้นในเชิงบวกสำหรับครึ่งปีแรก และการเติบโตของ VONB ที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของมูลค่าธุรกิจเป็นตัวเลขสองหลักในมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงการได้รับแรงสนับสนุนที่สำคัญจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ The Bank of East Asia (BEA)

ในขณะที่ตลาดประกันชีวิตในจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงได้ส่วนแบ่งตลาดอย่างมีนัยสำคัญและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาลสำหรับเอไอเอ โดยยังคงมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการขยายทางภูมิศาสตร์ และสาขาใหม่ในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ได้เริ่มการขายในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งมีส่วนสนับสนุนเป็นอย่างมากต่อการเติบโตของ VONB ที่ยอดเยี่ยมจากสาขาใหม่ โดยในเดือน พ.ค.ได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบเพื่อเตรียมสาขาใหม่ในมณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในจีนแผ่นดินใหญ่

และในเดือน ก.ค. 65 มูลค่าธุรกิจใหม่ของเอไอเอประเทศจีนกลับมาเติบโตได้ โดยโปรแกรมพรีเมียร์เอเยนซี่ยังคงมีการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมในด้านประสิทธิภาพในการทำงานของตัวแทน และการรับสมัครตัวแทนใหม่

ส่วนเอไอเอฮ่องกง มี VONB เติบโตขึ้นถึง 3% โดยเป็นการเติบโตทั้งจากตัวแทนและพันธมิตรช่องทางการขาย สำหรับยอดขายภายในประเทศเริ่มกลับมามีความเคลื่อนไหวตั้งแต่เดือน พ.ค.จากการที่จำนวนยอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง ในขณะที่ยังมีการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศจากเกาะฮ่องกง แต่เอไอเอยังสามารถส่งมอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการขายประกันให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านสาขามาเก๊า

ส่วนสาขาที่เหลือภายใต้กลุ่มบริษัทเอไอเอ สามารถสร้าง VONB ได้มากถึงเกือบ 50% ในครึ่งปีแรกของปีนี้ จากการพัฒนาและปรับปรุงในกิจกรรมการขายอย่างจริงจังในไตรมาส 2 สำหรับในเดือน มิ.ย.ในฐานะผู้นำตลาดอาเซียน (ASEAN) เอไอเอได้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง

ด้านทาทาเอไอเอประกันชีวิต บริษัทร่วมทุนในประเทศอินเดีย สามารถคว้าโอกาสที่สำคัญในตลาดประกันชีวิตไว้ได้ ทำให้เอไอเอไปถึงเป้าหมายของการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างดีเยี่ยมในครึ่งปีแรก โดยมีแรงสนับสนุนจากความสำเร็จด้านยอดขายผ่านแพลตฟอร์มการขายอันหลากหลายของเอไอเอ

นอกจากนี้ โปรแกรมพรีเมียร์เอเยนซี่ ซึ่งได้ถูกปรับให้มีความเป็นดิจิทัลขั้นสูง ยังคงมีการพัฒนาอย่างยอดเยี่ยมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านการสรรหาบุคลากร ผู้บริหารตัวแทน ตัวแทนที่ปฏิบัติงาน รวมถึงผลผลิต โดยยังคงมุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องกับพันธมิตรธนาคารและนายหน้าซื้อขายประกัน (โบรกเกอร์) เพื่อร่วมกันสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมผ่านช่องทางพันธมิตร

“ผมเชื่อมั่นว่าแนวโน้มระยะยาวสำหรับธุรกิจเอไอเอยังคงโดดเด่นอยู่ ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของเอไอเอในทั่วภูมิภาคเอเชีย รวมถึงแพลตฟอร์มการขายประกันของเราที่ไม่มีใครเทียบได้ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญ เรายังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเราอย่างมีวินัย ซึ่งจะส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเราได้อย่างต่อเนื่อง”