“ฮอนด้า” ส่งทัพรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าลงตลาดอย่างน้อย 10 รุ่น ภายใน 4 ปีจากนี้ ส่วน “ไทย” ประเดิมขึ้นไลน์ประกอบ BENLY e เดือนนี้
วันที่ 13 กันยายน 2565 รายงานจาก บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น หลังจากบริษัทประกาศความพร้อมเตรียมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 10 รุ่นทั่วโลกภายในปี 4 ปีจากนี้ หรือปี ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568)
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
จากนั้นคาดจะเพิ่มยอดขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็น 1 ล้านคันต่อปีภายในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2569
และมียอดขายเพิ่มเป็น 3.5 ล้านคัน หรือ 15% ของยอดขายรวม ภายในปี 2570
เพื่อเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท ที่มีความมุ่งมั่นสร้างสังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านการผลิตรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงปีทศวรรษ 2040s และยังคงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันนั้น
- มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ ใช้ “ไทยฮอนด้า”
- “พรประภา” เคลียร์สัดส่วนหุ้น หลัง 2 ล้อ “ฮอนด้า” ปรับใหญ่ยุบเหลือบริษัทเดียว
- “ฮอนด้า” ผู้นำ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าตัวจริง
สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้ง 10 รุ่นนั้น จะเป็น 1.รถจักรยานยนต์คอมมิวเตอร์ขับขี่ในเมือง Commuter EVs รถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับธุรกิจในตลาดโลก โดยมีการส่งให้กับบริษัทไปรษณีย์ของญี่ปุ่นและเวียดนาม
และปัจจุบันฮอนด้ายังทดลองจับมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และเตรียมผลิตและจำหน่ายรุ่น BENLY e: ในประเทศไทยเดือนกันยายนนี้
ขณะที่การใช้งานส่วนบุคคล ฮอนด้าเตรียมแผนเปิดตัว Commuter EV สองรุ่นในปี 2567 และ 2568 ในเอเชีย ยุโรป และญี่ปุ่น
2.รถจักรยานยนต์รุ่นคอมมิวเตอร์ขับขี่ในเมือง Commuter EMs/EBs ซึ่งมีส่วนแบ่งถึง 90% ของยอดขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก หรือประมาณ 50 ล้านคัน ในประเทศจีน
และคาดว่าความต้องการของทั้ง 2 รุ่น จะขยายในวงกว้างขึ้นและครอบคลุมไปทั่วโลก บริษัทมีแผนจะส่งรถ EMs/EBs รุ่นกะทัดรัดในราคาที่จับต้องได้ 5 รุ่น ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงปี 2567 ในตลาดเอเชีย ยุโรป และญี่ปุ่น
และ 3. FUN EVs รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ที่ขับขี่ได้อย่างสนุก
ทั้งนี้ ฮอนด้า ได้ร่วมมือกับ Drivemode บริษัทซอฟต์แวร์ในเครือ เพื่อยกระดับมูลค่าการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในโลกยุคที่ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันโดยเริ่มจากรุ่น Commuter EV ที่จะออกสู่ตลาดในปี 2567 ให้กับผู้ใช้งาน (UX) ผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อ อาทิ อุปกรณ์ที่ช่วยเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด จุดชาร์จไฟฟ้า แนะแนวการขับขี่อย่างปลอดภัยบริการหลังการขายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่อุ่นใจตลอดเส้นทางด้วย
