สรยุทธ์ โวย ซื้อลิขสิทธิ์แพง คนไทยควรได้ดูบอลคุณภาพ HD ทุกนัด

สรยุทธ์ โวยผ่านเพจกรรมกรข่าว คนทั่วไป น่าจะได้ดูบอลโลกคุณภาพระดับ HD ไม่ใช่ SD

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักข่าวและผู้ประกาศข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ถึงการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ว่า ซื้อแพงขนาดนี้ ก็ควรได้ดูคุณภาพดีๆ หรือว่าไงครับ … ในฐานะประชาชนคนดูบอล เมื่อ กสทช.อนุมัติเงินกองทุน 600 ล้านให้การกีฬาฯ ซื้อลิขสิทธิ์ ‘บอลโลก 2020’ ก็น่าจะหาทางเจรจาให้ประชาชนได้รับชมการถ่ายทอด ‘ทุกนัด’ ด้วยคุณภาพระดับ HD (High Definition:ความคมชัดสูง)

การที่ ‘ทรูช่อง 24’ ได้สิทธิถ่ายทอดสด 32 คู่ เป็นช่อง SD (Standard Definition) ซึ่งการได้สิทธิถ่ายทอดสดแบบ Exclusive ช่องเดียว ก็เท่ากับคนทั่วไป จะได้ดูถ่ายทอดในคุณภาพความคมชัดระดับ SD เท่านั้น เช่นเดียวกับคู่ที่ช่อง SD อื่นๆ ได้ถ่ายทอดช่องละ 2 นัด ถ้าเกรงเป็นเรื่องผลประโยชน์ขัดแย้งกับ ‘ทรู’ สปอนเซอร์ใหญ่ ก็ให้ถ่ายสดคู่ขนานกับช่อง HD ของรัฐก็ได้ ทั้ง NBT , ททบ.5 หรือ ไทยพีบีเอส (ซึ่งกำลังจะทดลองระบบ 4K พอดี)

“ส่วนกรณี TrueVisions ได้ถ่ายทอดทุกคู่ในระบบ HD (หรืออาจจะมี 4K ด้วย) อันนี้คนเป็นสมาชิกอยู่แล้วก็ดูได้ โดยไม่เสียเงินเพิ่ม แต่คนไม่ได้เป็นสมาชิกล่ะ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องดู SD คงไม่มีใครบอกนะครับว่า มีให้ดูฟรี ยังไงก็ดูไปเถอะ”

ต่อมา ได้โพสต์ข้อความอีกว่า เปิดรายชื่อภาคเอกชน 9 ราย ร่วมลงขัน 700 ล้านบาท สมทบ กสทช.ซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก ‘กาตาร์ 2020’ หลังประเทศไทยบรรลุผลเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่าง 20 พฤศจิกายน-18 ธันวาคม 2565 กับเอเย่นต์ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ วงเงิน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ซึ่งถ้ารวมค่าใช้จ่ายภาษี ยอดรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท

สำหรับผู้สนับสนุนงบประมาณในการซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้ ประกอบด้วย

1.กสทช. มีมติอนุมัติเงินสนับสนุนจาก ‘กองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ’ (กองทุน กทปส.) 600 ล้านบาท

2.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) 300 ล้านบาท

  1. น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง (บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน)) 100 ล้านบาท

4.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 100 ล้านบาท

5.บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ 20 ล้านบาท

6.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 20 ล้านบาท

7.บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) 10 ล้านบาท

8.บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) 50 ล้านบาท

9.ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 50 ล้านบาท

10.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 50 ล้านบาท