สสส.ผนึกความรู้เวชศาสตร์วิถีชีวิต ผลักดันคนไทยห่างไกลโรค NCDs

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม

สสส.ผนึกความรู้เวชศาสตร์วิถีชีวิต ผลักดันคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 75% ของการเสียชีวิตทั้งหมด

วันที่ 26 มกราคม 2566 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เตรียมนำความรู้ด้าน “เวชศาสตร์วิถีชีวิต หรือ Lifestyle Medicine” มาประยุกต์เข้ากับการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพของคนไทยทุกกลุ่มวัย เพื่อเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ วิถีชีวิตสุขภาวะในการลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวันอันควรด้วยโรคไม่ติดต่อ (Noncommunicable diseases : NCDs) เช่น โรคหลอดเลือดหัว ใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดเรื้อรัง มะเร็ง เบาหวาน สุขภาพจิต เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตของคนไทยสูงถึง 3 ใน 4 หรือ ร้อยละ 75 ของการเสียชีวิตทั้งหมด

โดยสาเหตุการก่อโรคไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับ

นอกจากนั้น สสส.ยังต้องการแก้ไขปัญหานี้เพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่ให้ไว้กับสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อ 1 ใน 3
ของการเสียชีวิตทั้งหมดภายในปี 2573 โดยต้องอาศัยทั้งการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ การออกนโยบายของภาครัฐ การร่วมรณรงค์ผลักดันสังคมคู่ขนานกับการรักษาโรคเป็นรายบุคคล

เน้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรค

เวชศาสตร์วิถีชีวิต หรือ Lifestyle Medicine เป็นคำใหม่ในสังคมไทย โดย American College of Lifestyle Medicine ให้นิยามว่า แนวทางในการใช้ชีวิตเพื่อการรักษาและจัดการกับโรคโดยไม่ใช้ยา เป็นแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพที่เน้นการปรับเปลี่ยนปัจจัยเสี่ยงซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อ โดยการอาศัยหลักการผสมผสานและบูรณาการศาสตร์การรักษาต่าง ๆ ทั้งความรู้ทางการแพทย์ การให้บริการทางสุขภาพ นโยบายสุขภาพ และปัจจัยที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม

มุ่งเน้นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ นำมาวางแผนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งด้านอาหาร การมีกิจกรรมทางกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายป้องกันโรค การนอนหลับที่มีคุณภาพ การจัดการความเครียด การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมอันตรายต่าง ๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการรักษารูปแบบอื่น ๆ โดยไม่ใช้ยา

แพทยสภารับรองเวชศาสตร์วิถีชีวิต

เวชศาสตร์วิถีชีวิต ถูกใช้ดูแลสุขภาพประชาชนในฝั่งอเมริกาและยุโรปมานานแล้ว แต่อาจถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับไทย เนื่องจากยังขาดบุคคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่นับเป็นความโชคดีของคนไทย
เพราะล่าสุดแพทยสภาได้รับรองหลักสูตรฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางแขนงเวชศาสตร์วิถีชีวิตให้เป็นหนึ่งแขนงของสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน โดยมีกรรมการพัฒนาหลักสูตรที่มาจากแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งความรู้และประสบการณ์ โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการ สำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ เป็นหนึ่งในแพทย์กลุ่มนี้ด้วย และพร้อมที่จะสานต่อและถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกับภาคีเครือข่ายของ สสส. รองรับความต้องการดูแลสุขภาพของคนไทย

สสส. ผนึกความรู้เวชศาสตร์วิถีชีวิต ป้องกันโรค NCDs

ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า เวชศาสตร์วิถีชีวิตคือศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางเพิ่มเติมจากการดูแลสุขภาพพื้นฐาน ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์มากในการดูแลสุขภาพของคนไทย
เพราะศึกษาเจาะลึกไปยังพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเฉพาะกลุ่มมากขึ้น นำไปสู่การวิเคราะห์หาแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะนำไปสู่การเกิดโรคไม่ติดต่ออย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีความสุขเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฎิบัติ เป็นแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง เมื่อเทียบกับกรณีการเกิดโรคแล้วต้องรักษาด้วยการใช้ยา ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควรซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพของ สสส. และเป็นภาระกิจของตนเองอยู่แล้ว

ดังนั้น จะนำความรู้ด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตเข้ามาประยุกต์ใช้กับงานทุก ๆ ด้าน พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ สสส. มาทำหน้าที่เป็นตัวกลางการสื่อสารการให้คำปรึกษาแนะนำ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของการดูแลวิถีชีวิตสุขภาพคนไทยให้ครอบคลุมทุกกลุ่มวัย

“เราสูญเสียประชากรก่อนวัยอันควรด้วยโรค NCDs ต่อปีจำนวนมาก ดังนั้นความรู้ด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตก็จะเข้ามามีบทบาทใหม่ที่สำคัญต่อการดำเนินงานของ สสส.ในทุก ๆ ด้าน เพื่อนำคนไทยทุกกลุ่มไปสู่ชีวิตวิถีใหม่ วิถีชีวิตสุขภาวะ เป็นการช่วยระบบสาธารณสุข และสามารถประหยัดเงินในการรักษาโรคได้อย่างมหาศาล ประเทศก็ได้ประโยชน์ เพราะการรักษาโรค NCDs ต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งหากประชาชนสนใจที่จะเริ่มต้นดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ก็สามารถค้นหาข้อมูลการดูแลสุขภาพด้วยแนวคิดวิถีชีวิตสุขภาวะได้ที่ www.thaihealth.or.th” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

ระดมภาคีเครือข่าย-นักวิชาการ ต่อยอดภารกิจดูแลสุขภาพ

ล่าสุด สสส.ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) เตรียมจัดการประชุมวิชาการด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย “Thailand Physical Activity Conference 2022 (TPAC 2022)” ภายใต้หัวข้อ “Integrating knowledge for physical activity regeneration : บูรณาการองค์ความรู้เพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางกาย” เพื่อเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนและเรียนรู้ประสบการณ์ในการทำงานด้านส่งเสริมกิจกรรมทางกายจากนักวิชาการ และผู้เชียวชาญทั้งในและต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 30 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการประชุมผ่านแอปพลิเคชั่น ZOOM โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่
https://tpacconference.org/ หรือรับชมการถ่ายสอดสดผ่าน Facebook ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย TPAK ได้ที่ https://web.facebook.com/TPAK.Thailand/?_rdc=1&_rdr

ทั้งนี้ สสส.จะนำความรู้จากเวทีนี้มาแปลงเป็นนโยบายสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนสุขภาพและสังคมไทยเพื่อก้าวสู่ “ชีวิตวิถีใหม่ วิถีชีวิตสุขภาวะ” อย่างยั่งยืนต่อไป

สสส. ผนึกความรู้เวชศาสตร์วิถีชีวิต ผลักดันคนไทยห่างไกลโรค NCDs