นายแบงก์เอเชีย หน้าซีด โบนัสหาย 70% ค่าตอบแทนลดฮวบ

มอร์แกน สแตนลีย์
Photo by Johannes EISELE / AFP

รายได้นายแบงก์เปลี่ยนไป ไม่ได้ฟู่ฟ่าสูงลิ่วอย่างที่ผ่านมาแล้ว เมื่อภาวะเศรษฐกิจบีบรัด บริษัทจำกัดค่าใช้จ่าย ผู้บริหารแบงก์ใหญ่หลายแห่งถูกหักโบนัสมากถึง 70% ถูกลดค่าตอบแทนกว่าครึ่ง 

วันที่ 30 มกราคม 2566 บลูมเบิร์ก รายงานว่า นายธนาคารชั้นนำในเอเชีย ถูกหักรายได้มากถึง 50% หลังการเจรจาที่ถูกหมางเมิน อีกทั้งกรรมการผู้จัดการที่ไม่มีผลงานยังถูกหักโบนัสมากถึง 70% บางคนคือไม่มีเลย ส่วนพนักงานอาวุโสที่พอมีผลงานบ้างจะได้รับโบนัสเพียงเล็กน้อย

แหล่งข่าวบลูมเบิร์กให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันวาณิชธนกรชั้นนำในเอเชียต่างมีผลตอบแทนย่ำแย่ นับตั้งแต่วิกฤตการเงินเมื่อ 10 ปีก่อน (หลังแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสเมื่อปี 2551-2552)

กรรมการผู้จัดการในธนาคาร เช่น โกลด์แมน แซกส์, มอร์แกน สแตนลีย์, แบงก์ ออฟ อเมริกา ต่างได้รับค่าตอบแทนลดลง 40-50% โดยค่าจ้างผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการอาวุโสอยู่ที่ 8 แสน-1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 25.6-48 ล้านบาท) ขณะที่กรรมการผู้จัดการใหม่ ในปีแรกค่าตอบแทนอยู่ระหว่าง 6 แสน-1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 19.2-32 ล้านบาท)

ส่วนนายธนาคารอีกหลายแห่งประสบปัญหาถูกลดค่าชดเชยต่าง ๆ มากกว่า 20% หลังผ่านช่วงเวลาหนักหนาในปี 2564 มีเพียงไม่กี่รายที่ยังได้เงินเกิน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่นายธนาคารที่ไม่มีผลงานก็จะถูกลดค่าตอบแทน 60-70% โดยหลายคนถูกกันออกจากกลุ่มผู้ได้รับโบนัส

ADVERTISMENT

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มของบริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคการเงินของเอเชีย ซึ่งการจ่ายเงินอาจแตกต่างกันไปสำหรับบางกลุ่มผลิตภัณฑ์และในบางประเทศ

ส่วนวานิชธนกรระดับโลกก็กำลังผลักดันอย่างหนัก เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย หลังจากเพิ่มจำนวนพนักงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในสงครามแย่งชิงผู้มีความสามารถ (ทาเลนต์) และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

ADVERTISMENT

แม้เอเชียจะเป็นตลาดที่มีการเติบโตมากที่สุดมานานหลายปี แต่การลดตำแหน่งงานได้เพิ่มจำนวนขึ้น และข่าวโบนัสที่คาดเดาได้ยากยังช่วยลดจำนวนพนักงานแก่บริษัทได้ด้วย

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โกลด์แมนฯประกาศแผนลดพนักงาน 3,200 ตำแหน่งทั่วโลก และได้ปรับลดงานในเอเชียไปแล้ว 2 รอบตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 โดยปลดนายแบงก์ที่เน้นจีนเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ ปลดนายแบงก์ที่โฟกัสธุรกิจจีนเช่นกัน

ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจในจีนประสบปัญหาหนักจากการปราบปรามด้วยกฎระเบียบต่าง ๆ อีกทั้งปัจจุบันจีนได้ยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ที่สำคัญคือรัฐบาลกลางจำกัดความสามารถของธุรกิจในประเทศที่ต้องการขายหุ้นในต่างประเทศ ส่งผลให้ดีลต่าง ๆ ตกลงถึง 80% ในปีที่ผ่านมา และรายได้ของวาณิชธนกิจที่ทำงานให้แบงก์ใหญ่ ๆ ทั่วโลกลดลงประมาณ 50%

ในขณะที่ธนาคารบางแห่งพยายามลดช่องว่างการจ่ายเงินในเหล่านายแบงก์มากกว่าที่จะลดงาน เนื่องจากข้อตกลงอาจกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจตัดลดเพิ่มเติมอีกรอบในสิ้นปีนี้ก็ได้

ผลจากสิ่งที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในธนาคารต่าง ๆ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะค่าตอบแทนรวมลดลงประมาณ 30% มาอยู่ที่ 4-6 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12.8-19.2 ล้านบาท)

ส่วนคนที่ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารแม้จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ค่าตอบแทนก็ลดลงประมาณ 10-15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเช่นกัน

การลดลงอย่างมากในปีนี้ เห็นชัดในกรณีของโกลด์แมน แซกส์ ซึ่งจ่ายผลตอบแทนมากเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว หรือสูงกว่าตลาด 20%

แม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ค่าตอบแทนลดลง เพราะยังมีคนทำงานการเงินในเกาหลีและออสเตรเลียที่ทำงานด้านการซื้อขายควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดที่ยังมีรายได้ดีขึ้น

ขณะที่ธนาคารต่างกระตือรือร้นที่จะรักษาพนักงานใหม่ที่มีผลงานยอดเยี่ยมไว้ เพื่อรอการฟื้นตัวของการทำธุรกิจ เช่น ซิตี้กรุ๊ป ที่ประกาศเพิ่มค่าตอบแทนให้กับวาณิชธนกิจรุ่นใหม่มากถึง 15% เป็นต้น