ก.ล.ต. ตีกรอบเข้ม ห้ามบริษัทเอี่ยวธุรกิจสีเทาขายหุ้น IPO

ก.ล.ต. ตลาดหุ้นไทย

ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์บริษัทขอเสนอขายหุ้น IPO เข้มคุณสมบัติห้ามเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง ทั้ง “ค้ามนุษย์-ยาเสพติด-ฟอกเงิน”

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชน (IPO) เกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติของบริษัทให้ชัดเจนเรื่องการไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้หลักเกณฑ์เป็นไปตามเจตนารมณ์ และบริษัทสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนในการประชุมครั้งที่ 13/2564 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 มีมติเห็นชอบในหลักการให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ IPO ในส่วนที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของบริษัทในเรื่องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่โดยบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์

โดย ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวจากผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2565 แล้วนั้น

ก.ล.ต. จึงออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้เสนอขายหุ้น IPO ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดคุณสมบัติของบริษัทในเรื่องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

(1) ปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติของบริษัทที่ขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ในเรื่องการไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ชัดเจน โดยไม่รวมถึงความผิดในเรื่องที่ไม่มีนัยสำคัญ หรือความผิดที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจหลักของบริษัท

ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจของบริษัทผู้ขออนุญาตต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง เช่น การค้ามนุษย์ การผลิตหรือจำหน่ายยาเสพติด หรือการฟอกเงิน เป็นต้น และต้องไม่มีการดำเนินงานที่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งอาจเป็นเหตุให้ธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงและมีนัยสำคัญ

(2) ให้อำนาจ ก.ล.ต. ในการกำหนดแนวทาง (guideline) ในรายละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณากรณีที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง หรือมีผลกระทบอย่างร้ายแรงและมีนัยสำคัญได้


นอกจากนี้ การปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าว จะบังคับใช้กับทั้งบริษัทไทยและบริษัทต่างประเทศที่เสนอขายแบบ primary listing และ secondary listing โดยหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป