
บีวายดี ยันความสัมพันธ์ยังเหนี่ยวแน่น เทงบเสริมเขี้ยวซื้อหุ้นกลุ่ม เรเว่ฯ 20% เพื่อเพิ่มศักยภาพและแข็งแกร่งผ่านกลยุทธ์การร่วมลงทุน ลั่นเร่งหามาตรการเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านราคา
วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย บีวายดี ออโต้ เอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า เพื่อร่วมขับเคลื่อนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืนและผู้บริโภคชาวไทยให้สามารถเข้าถึงรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีวายดี ( BYD) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น บริษัทได้ตัดสินใจประกาศความร่วมมือทางธุรกิจ
โดยบีวายดี ได้เข้าซื้อหุ้นของกลุ่มเรเว่ ออโตโมทีฟ เป็น จำนวน 20% เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจว่าบริษัทพร้อมเดินหน้าทำตลาดในประเทศไทย และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และช่วยให้ทั้งอุตสาหกรรมเติบโตต่อไป
“การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างความเเข็งแกร่งให้กับบีวายดีและเรเว่ฯ และ ยังเป็นการตอบแทนเรเว่ฯ ที่ ทำตลาดรถยนต์บีวายดีมาเป็นอย่างดี”
ปัจจุบัน มียอดขายบีวายดี ในประเทศไทยทั้งหมด 50,000 คัน จากทั้งหมด 3 รุ่น ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 115 แห่ง ในปีนี้จะมีครบ 77 จังหวัด ซึ่งการจับมือกับเรเว่ ออโตโมทีฟ จะทำให้บีวายดีก้าวหน้า และการซื้อหุ้นครั้งนี้น่าจะผลักดันให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ เชื่อว่าการจับมือครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้มีรถยนต์ไฟฟ้าใหม่”
ด้านนายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ทั้งสองบริษัทมีหน้าที่แตกต่างกันไป บีวายดีเจ้าของเทคโนโลยี ดีไซน์รถยนต์สร้างโรงงาน นี่คือหน้าที่ของ บีวายดี ส่วนเรเว่ฯ หน้าที่ในการขายดีลเลอร์ความพร้อมอะไร ทีมขาย บริการหลังการขาย
ดังนั้นการที่ บีวายดีเข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ทำให้ เรเว่ฯ เเข็งแรงมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจต่อไป เพื่อดึงความมั่นใจจากลูกค้าชาวไทยมากขึ้นวันนี้เราจับมือทำไปด้วยกัน เป็นสัญญาว่าเราอยู่ยาวแน่นอน
ส่วนความคืบหน้าของนโยบายการตั้งราคานั้น นายเสวียเลี่ยง ย้ำว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีอิสระทางด้านเศรษฐกิจและราคาจำหน่าย โดยที่ผ่านมาบีวายดีก็สามารถขายรถสะสมได้ถึง 50,000 คัน และมีการที่เปิดโรงงานเพื่อผลิตรถยนต์ในประเทศไทยทำให้เห็นว่า บีวายดีพร้อมสร้างประโยชน์ให้คนไทย เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยมีโปรดักส์ที่ดี ซึ่งบีวายดีมองว่า เป็นการเตรียมโปรดักส์ให้ไทย
“การเข้ามาเป็นการลดต้นทุนการผลิต ทำให้ลูกค้าไทยได้ประโยชน์ ขณะที่แผนเยียวยา อยู่ระหว่างดำเนินการ และอนาคตจะให้ความสำคัญต่อเสียงของลูกค้า ในการพิจารณาการตั้งราคาในอนาคตด้วย“
ด้านนายประธานวงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าต้นทุนมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาเป้าหมายของทั้งสองบริษัทคือต้องการนำเสนอสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีสูง เพื่อทำให้มีราคาที่จับต้องได้มากขึ้น และเหมาะสมกับผู้บริโภค
ที่ผ่านมาไม่มีใครลงมาเล่นราคาขนาดนี้ เราขอยืนยันว่าไม่ได้ลืมลูกค้ารายเเรกๆ และบริษัทอยู่ระหว่างการหามาตรการเพื่อดูแลชดเชย ลูกค้าตรงนี้ ตามที่ได้รับปากนายกรัฐมนตรีไว้
“เราเป็นแบรนด์เดียวที่ใช้ one price policy ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเรื่องการลดราคา เราต้องประกาศอย่างชัดเจนว่าลดราคาหรือมีโปรโมชั่นเท่าไร ทำเหมือนกันทั้งหมดทุกดีลเลอร์ทั่วประเทศ ซึ่งแตกต่างแบรนด์อื่นที่ไปให้ส่วนลดทางดีลเลอร์
แน่นอนว่าการเยียวยาต้องเป็นการเยียวยาที่เหมาะสมและคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้อย่างแน่นอน”