
กรุงเทพประกันภัยชงบอร์ดอนุมัติวงเงินพิเศษหลายร้อยล้าน เข้าซื้อหุ้นยักษ์ค้าปลีก มองผลประกอบการดี-หวังเงินปันผล ขณะที่แผนลงทุนของ “บีเคไอ โฮลดิ้งส์” เฟสแรกตั้งงบฯ 100 ล้าน ปิดดีลถือหุ้นธุรกิจ “เทเลเมดิซีน-ผู้ให้บริการสนับสนุนบริหารจัดการเคลมสินไหม” ส่วนเบี้ยประกัน ปีนี้มั่นใจเข้าเป้า 3.25 หมื่นล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH และประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า แผนลงทุนในปี 2567 ของบริษัทกรุงเทพประกันภัย

ขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่อขอวงเงินพิเศษหลายร้อยล้านบาท สำหรับใช้ลงทุนซื้อหุ้นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากมองเห็นว่ามีผลประกอบการที่ดี มีการขยายธุรกิจได้ต่อเนื่องในอนาคต และเป็นหุ้นที่มีเงินปันผลดีในระยะยาว ซึ่งได้ยื่นขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ไปแล้ว
โดยปัจจุบันพอร์ตลงทุนของบริษัทกรุงเทพประกันภัยกว่า 70,000 ล้านบาท ในส่วนของพอร์ตลงทุนหุ้น จะถือหุ้นหลักอยู่ 3 บริษัทคือ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL), บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) และ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA)
“หุ้น BH จะเป็น Strategics Stocks ที่ไม่เน้นการขาย เพราะเป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นลงทุนระยะยาวและคาดหวังเงินปันผล ซึ่งบางปีได้เงินปันผลจาก BH เพิ่มขึ้นกว่า 70-80 ล้านบาท โดยก่อนโควิด เราถือหุ้น BH สัดส่วน 14% แต่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่เกือบ 12% ที่ขายออกไปเพื่อนำเงินมาจ่ายเคลมโควิด ส่วนพอร์ตหุ้นอื่น ๆ ในอดีตจะขายหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมาเพื่อรับรู้กำไร แต่ปีนี้โอกาสจะรับรู้กำไรที่เกิดขึ้นจริงจากการขายหุ้น (Realized Profit) ยังมองไม่เห็นทิศทางที่เป็นบวก”
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในส่วน บมจ.บีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) หลังปรับโครงสร้างธุรกิจและแลกหุ้น BKIH กับหุ้นสามัญ BKI เสร็จสิ้นไปนั้น แผนการลงทุนของโฮลดิ้งส์อย่างน้อยใน 2 ปีแรก จะมุ่งเน้นการลงทุนที่มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจประกันภัย เพราะบริษัทมีความรู้และความเชี่ยวชาญธุรกิจประกันภัยมากที่สุด จนกระทั่งสามารถหาบุคลากรหรือฝ่ายบริหารที่เชี่ยวชาญในด้านอื่น ๆ เข้ามา ก็อาจมีการขยายธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยงไปสู่ภาคธุรกิจอื่นเพิ่มเติม
สำหรับแผนการลงทุนเฟสแรก ขณะนี้ BKIH ได้เจรจาร่วมลงทุนโดยเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 10% ในแพลตฟอร์มบริการปรึกษาแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์ (แพลตฟอร์มเทเลเมดิซีน) ซึ่งคาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในปี 2567
“การเลือกลงทุนในแพลตฟอร์มเทเลเมดิซีน เพราะมองว่าเป็นเทรนด์ธุรกิจที่จะต้องเติบโตต่อไปในอนาคตในเชิงของเฮลท์แคร์แพลตฟอร์ม ประกอบกับสามารถนำมาบริการกับธุรกิจหลักของบริษัทกรุงเทพประกันภัยได้ ซึ่งทำให้บริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ”
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังได้เริ่มพิจารณาลงทุนโดยจะเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 10% ในธุรกิจผู้ให้บริการสนับสนุนการดำเนินการด้านการพิจารณาและชำระค่าสินไหมทดแทนสำหรับธุรกิจประกันภัย (Third Party Administration) ซึ่งคาดว่าจะจบดีลได้ภายในปี 2568
“เราใช้เงินลงทุนก้อนแรกสำหรับ 2 ดีลนี้รวม ๆ ประมาณ 100 ล้านบาท เนื่องจากตอนนี้ BKIH ยังไม่มีเงินเป็นของตัวเอง ต้องรอบริษัทกรุงเทพประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่มีขนาดใหญ่สุดที่จะจ่ายเงินปันผลคืนกลับมาให้กับโฮลดิ้งส์ ซึ่งจะมีส่วนต่างเงินปันผลเก็บไว้ใช้จ่ายและลงทุนในอนาคต”
สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทกรุงเทพประกันภัยในช่วงครึ่งปีแรก มีเบี้ยรับรวมเติบโต 10% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) สูงสุดเมื่อเทียบบริษัทท็อป 10 โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์เติบโต 14% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีเบี้ยรับรวมเติบโตแค่ 0.04% และเบี้ยประกันภัยรถยนต์ติดลบ 0.05%
“มั่นใจทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังจะสามารถพิชิตเบี้ยรับรวมตามเป้าสิ้นปีนี้ 32,500 ล้านบาท เติบโต 8% YOY โดยมาจากเบี้ยประกันรถยนต์ 13,600 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถอีก 18,900 ล้านบาท เบี้ยส่วนนี้จะมาจากเบี้ยประกันข้าวนาปี และเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินรายใหญ่ ที่จะมีการต่ออายุในช่วงปลายไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4” นายอภิสิทธิ์กล่าว