เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุยางิ เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนแม่งัด 4 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน

เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ปรับเพิ่มการระบายน้ำ หลังเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนสูงเกินเกณฑ์ควบคุม พร้อมรับมือกับพายุที่จะเข้ามาใหม่ในเดือนกันยายน คาดการณ์ว่าไม่เกิน 5 วัน สถานการณ์น้ำในเขื่อนจะกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ

วันที่ 5 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล (ผคบ.แม่แฝก-แม่งัด) เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลว่า ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2567 ได้ติดตามสถานการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยามาโดยตลอด

ซึ่งข้อมูลฝนในช่วงวันที่ 20-31 สิงหาคม จะมีฝนตกในพื้นที่รับน้ำของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลมีฝนในปริมาณมาก จากข้อมูลฝนโครงการได้มีการคำนวณและคาดการณ์น้ำที่จะเข้าเขื่อนในห้วงวันที่ 20-31 สิงหาคม ราว 35 ล้าน ลบ.ม.

โดยวันที่ 19 สิงหาคม เขื่อนแม่งัดมีน้ำ 192 ล้าน ลบ.ม. ราว 72% ของความจุ ซึ่งยังอยู่ในเส้นเกณฑ์ควบคุม (Rule Curve) ช่วงนั้นหากน้ำเข้าเขื่อนถึง 35 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งต้องระบายออกเพื่อให้มีช่องว่างที่จะรับน้ำ ได้มีการขอระบายน้ำไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1 พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้รับทราบ โดยระบายน้ำจากเขื่อนลงลำน้ำแม่งัด ซึ่งจะไปบรรจบกับแม่น้ำปิงเหนือสะพานช่อแล 1 กิโลเมตร เหนือสถานีวัดน้ำ P.75

ทั้งนี้ ได้มีการพร่องน้ำออกจากเขื่อน 24 ล้าน ลบ.ม. หรือ 2 ล้านกว่า ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งการระบายน้ำของเขื่อนแม่งัดฯ จะดูปริมาณน้ำที่ P.20 อ.เชียงดาว P.75 สะพานช่อแล P.103 วงแหวนรอบ 3 ตลอดจน P.1 สะพานนวรัฐ ประกอบการบริหารจัดการในการระบายน้ำจากเขื่อน เพื่อใช้เป็นเกณฑ์น้ำกำหนดที่จะไม่ให้เกิดน้ำไปท่วมบริเวณพื้นที่เศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่ พอช่วงปลายเดือนสิงหาคมปรากฏว่าฝนตกเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 35 ล้าน ลบ.ม. เป็นฝนมี 50 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำ 20 ล้าน ลบ.ม. มีความจำเป็นที่ต้องพร่องน้ำออก

ADVERTISMENT

วันที่ 1 กันยายน 2567 โครงการได้ทำเรื่องขออนุมัติในการเพิ่มการระบายน้ำ แต่ไม่สามารถระบายได้ โดยได้หยุดระบายน้ำตั้งแต่คืนวันที่ 31 สิงหาคม เพราะปริมาณน้ำแม่ริม น้ำแม่แตง มีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น ปริมาณน้ำที่สถานีวัดน้ำ P.1 ใกล้แตะระดับแจ้งเตือนที่ระดับ 3.70 เมตร จึงหยุดระบายน้ำโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ไปซ้ำเติมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่

นายเฉลิมเกียรติกล่าวว่า เมื่อสถานการณ์น้ำในแม่น้ำปิงเข้าสู่เกณฑ์ปกติ ได้มีการวางแผนการระบายน้ำจากเขื่อนแม่งัดฯที่ 47 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือประมาณ 4 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งเริ่มระบายเมื่อวันที่ 2 กันยายน เป็นการพร่องน้ำเพื่อรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุในช่วงเดือนกันยายน ช่วงต้นเดือนกันยายนมีพายุยางิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบกับภาคเหนือตอนบน ตลอด 3 วันเพิ่มการระบายน้ำออกจากเขื่อนไปแล้วราว 8 ล้าน ลบ.ม. เหลือพื้นที่รับได้อีกกว่า 30 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะเต็มเขื่อนที่ 100%

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ เขื่อนแม่งัดฯ มีความพิเศษแตกต่างจากอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนอื่น คือ มีการออกแบบเขื่อนเพื่อที่จะลดผลกระทบในเขตตัวเมืองเชียงใหม่มาไว้แล้วตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นการลดปริมาณน้ำ 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำที่จะหลากเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ได้มีการสร้างสปิลเวย์ให้มีลักษณะพิเศษคือมีการยกสปิลเวย์ขึ้นมากกว่าระดับเก็บกัก

โดยสามารถรับน้ำได้มากกว่า 28 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะเป็นการหน่วงน้ำไว้ไม่ให้เข้าไปรวมกับน้ำปิงแล้วเข้าท่วมตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อรวมกับพื้นที่ที่สามารถรองรับได้ ก็เท่ากับว่าเขื่อนแม่งัดฯจะรองรับน้ำได้อีกราว 65 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับการบริหารจัดการขณะนี้ได้มองที่พายุยางิเป็นอันดับแรก ซึ่งคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรง แม้ว่าอาจจะส่งผลทำให้ปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น ก็ต้องดูว่าปริมาณฝนที่ตกจริงจะมีมากน้อยเพียงใด โดยอาศัยข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาอีกครั้ง แต่ได้มีการเตรียมการไว้บ้างแล้ว

ถึงแม้จะมีพายุเข้ามาอีก แต่ยังคงมีพื้นที่เพียงพอต่อการรองรับน้ำมากถึง 65 ล้าน ลบ.ม. และเมื่อไปดูสถิติน้ำเข้าเขื่อนแม่งัดฯ ปีนี้ตั้งแต่เข้าสู่ฤดูฝนถึงปัจจุบัน คิดค่าเฉลี่ยน้ำไหลเข้าเขื่อนได้ที่ 1 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน หากคิดปริมาณน้ำตามค่าเฉลี่ยนี้กับห้วงฝนที่เหลือราว 30 วัน ก็จะมีน้ำเข้าอีกราว 30 กว่าล้าน ลบ.ม. ปริมาณนี้ทำให้น้ำเต็มเขื่อนที่ 100% หากแต่เขื่อนแม่ง้ดฯ มีความพิเศษก็ยังมีพื้นที่รองรับอีก 28 ล้าน ลบ.ม. ที่รอรับปริมาณฝนที่อาจไม่เป็นไปตามคาดการณ์

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การบริหารจัดการน้ำเกินเกณฑ์เส้นเกณฑ์ควบคุม (Rule Curve) ราว 11 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้ได้มีการระบายอยู่ที่ 4 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งหักกับน้ำเข้าเฉลี่ย 1 ล้าน ลบ.ม. เท่ากับว่าพร่องน้ำได้เกือบ 3 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ก็ราวอีก 4 วัน จะสามารถระบายน้ำที่เกินกว่าเส้นเกณฑ์ควบคุม (Rule Curve) ได้ ภายในวันที่ 10 กันยายนนี้ สถานการณ์น้ำของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลก็จะอยู่ในเกณฑ์ควบคุม (Rule Curve)