
นฤมลประกาศยกระดับหม่อนไหม ผลักดันเป็น Soft Power แปรรูป เพิ่มมูลค่า ขยายพื้นที่ปลูก สร้างรายได้ให้เกษตรกร
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” และการยกระดับสินค้าและบริการมูลค่าสูง ของกรมหม่อนไหม ณ เจ.ที.ฟาร์มซิลค์สันกำแพง ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ว่ากรมหม่อนไหมเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ที่ผ่านมาดำเนินงานสนองพระราชดำริบริหารจัดการด้านหม่อนไหมแบบครบวงจร มีศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ 25 ศูนย์ โดยศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ มีภารกิจในการอนุรักษ์ วิจัย และพัฒนา ผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดี เพื่อให้บริการ รวมทั้งส่งเสริม และดูแลเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน สำหรับจังหวัดเชียงใหม่มีเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมรวมทั้งสิ้น 97 ราย พื้นที่ปลูกหม่อน 205 ไร่
ศ.ดร.นฤมลกล่าวต่อว่า เราพบว่าเกษตรกรยังเข้าสู่อาชีพหม่อนไหมค่อนข้างน้อย และต้นทุนการผลิตในปีแรกค่อนข้างสูง อีกทั้งปัจจุบันผู้ประกอบการมีความต้องการรับซื้อผลผลิตรังไหมจากเกษตรกร 5,000 ตันต่อปี แต่เกษตรกรผลิตรังไหมได้เพียง 2,000 ตันต่อปี ยังเป็นการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
กรมหม่อนไหมจึงได้ดำเนินการตามแนวนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อแก้ปัญหาและสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรได้เข้าสู่อาชีพหม่อนไหมเพิ่มมากขึ้น ผ่านการขับเคลื่อนบูรณาการร่วมกัน ระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน อาทิ ความร่วมมืองานวิจัย พัฒนา และปรับปรุงพันธุ์ไหม เพื่อให้ได้ไหมพันธุ์ใหม่ที่มีความเหมาะสม การนำนวัตกรรม เทคโนโลยีมาใช้ในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อเพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า การถ่ายทอดองค์ความรู้และวางแผนการผลิตร่วมกัน ระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตและผู้รับซื้อ เพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตและคุณภาพตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ
ทั้งนี้ จากการดำเนินงานของศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตรังไหมได้จำนวน 1.2 ตันต่อปี สร้างรายได้ 225,264 บาทต่อปี ปริมาณการผลิตใบหม่อนจำหน่ายจำนวน 10 ตันต่อปี รายได้ 102,576 บาทต่อปี และยังคงเดินหน้าขยายผลไปสู่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้น
“การส่งเสริมอาชีพเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เป็นภารกิจที่สำคัญของกระทรวงเกษตรฯ จึงได้มอบหมายให้กรมหม่อนไหมขับเคลื่อนนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ที่เน้นแนวคิดในการบริหารจัดการผลผลิตที่มีเป้าหมายให้เกษตรกรมีรายได้แน่นอน มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ และทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้ทราบถึงความต้องการของตลาด วางแผนการผลิตร่วมกัน
ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านนับว่าประสบความสำเร็จในการแปรรูปสินค้าผลิตภัณฑ์จากไหมที่ได้มาจากกลุ่มเกษตรกร และผลิตภัณฑ์โปรตีนจากรังไหมที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า โดยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตสมัยใหม่ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีชื่อเสียง รวมถึงการนำโมเดล BCG มาใช้ในการผลิต ทำให้เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรมีความเข้มแข็ง ผลิตและแปรรูปสินค้าทางการเกษตรที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้” รมว.นฤมลกล่าว
สำหรับบริษัท เจ.ที. ซิลค์ จำกัด ก่อตั้งในปี 2546 ดำเนินธุรกิจปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โปรตีนไหมเสริมความงาม โดยกรมหม่อนไหมให้การสนับสนุนพันธุ์หม่อนและผลิตไข่ไหมพันธุ์ดี ให้ความรู้ด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงการรับรองมาตรฐานแปลงหม่อนและรังไหมอินทรีย์ ซึ่งแผนการดำเนินงานในอนาคต กรมจะขยายพื้นที่ส่งเสริมการปลูกหม่อนในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือตอนบน และพัฒนาสินค้าให้เป็นสินค้าอินทรีย์ เพื่อสร้างความยั่งยืนและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรต่อไป