ดีอี โชว์สถิติไล่ปิดเว็บเถื่อน 1.78 แสน URLs มีคำสั่งแจ้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่ไม่ระงับ/ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ตามคำสั่งศาล ให้สั่งปรับรายวัน โดยมีคำสั่งปรับเป็นพินัยกว่า 21 ล้านบาท
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เผยถึงผลการเร่งรัดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการตัดวงจรช่องทางการก่ออาชญากรรมที่สำคัญของขบวนการมิจฉาชีพ
โดยมีการเร่งรัดกระบวนการให้ศาล 2-3 วัน สามารถปิดได้เร็วขึ้น และหากตรวจสอบการไม่ระงับ/ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แพลตฟอร์มด้วยระบบการจัดเก็บทางคอมพิวเตอร์ จะทำการปรับพินัยฐานไม่ปิด “เว็บผิดกฎหมาย”
“ในปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566-พ.ย. 2567 (14 เดือน) ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายแล้ว 178,609 รายการ หรือเฉลี่ย 12,757 รายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 8.6 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2566 ตั้งแต่ ต.ค. 2565-ก.ย. 2566 (12 เดือน) ที่ปิดกั้น 17,670 รายการ หรือเฉลี่ย 1,472 รายการต่อเดือน”
สำหรับสถิติตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นในปี 2567 ทุกเดือนนั้น เนื่องจากการปรับกระบวนการทำงานให้มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีการตรวจสอบ เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งการดำเนินการกับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่มีลักษณะหลอกลงทุนเป็นการกระทำความผิดที่เข้าข่าย ตามมาตรา 14 (1) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
โดยกระทรวงดีอีมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายในการระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับแจ้งข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือผู้เสียหาย พร้อมนำส่งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ที่เข้าข่ายเป็นความผิด
หรือในกรณีที่กระทรวงดีอีตรวจสอบและพบเว็บไซต์ดังกล่าวเอง ในขั้นตอนนี้ กระทรวงจะต้องตรวจสอบ เก็บหลักฐาน และรวบรวม URLs เสนอให้รัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบกับข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ได้ตรวจสอบ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการยื่นคำขอต่อศาลให้มีคำสั่งระงับ/ปิดกั้นการเผยแพร่ข้อมูล (หลอกลงทุน) โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ขณะที่เมื่อศาลมีคำสั่งให้ปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นแล้ว กระทรวงจะแจ้งคำสั่งศาลไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต สำนักงาน กสทช. และแพลตฟอร์ม เพื่อดำเนินการระงับ/ปิดกั้นเว็บไซต์ต่อไป ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 2-3 วัน
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งหากพบการฝ่าฝืนดังกล่าว กระทรวงจะนำผลการตรวจสอบการไม่ระงับ/ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แพลตฟอร์มด้วยระบบการจัดเก็บทางคอมพิวเตอร์ ไปปรับพินัยฐานไม่ปิด “เว็บผิดกฎหมาย”
ปัจจุบันกระทรวงดีอีได้มีคำสั่งแจ้งไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในแต่ละคราวของคำสั่งศาลที่ไม่ระงับ/ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ เป็นการปรับตามคำสั่งศาล และสั่งปรับรายวัน โดยมีคำสั่งปรับเป็นพินัยกว่า 21 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาล เหตุไม่ชำระค่าปรับตามคำสั่งศาล
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่าง ๆ ดังกล่าว กระทรวงได้ดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น เว้นแต่เฉพาะในขั้นตอนการตรวจสอบพยานหลักฐานที่ยังมีความจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากพยานหลักฐานต้องมีองค์ประกอบตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับข้อมูลเว็บไซต์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่แล้วนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดไปพร้อมกัน