หุ้นไทยจำกัดแนวต้าน 1,360 จุด ตลาดขาดปัจจัยใหม่-ลุ้นผลประชุมเฟด

หุ้น กองทุน

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ กรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,360 จุด และยังต้องระวังด้าน Downside โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,350 จุด โดยตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ และจับตาการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ คาดจะคงดอกเบี้ย สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ AWC, CPF

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า ตลาดที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ และการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ที่คาดจะคงดอกเบี้ย ทำให้คาด SET มีกรอบบนจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,360 และ 1365 จุด ตามลำดับ และยังต้องระวังด้าน Downside โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,350 และจุดติดตามบริเวณ 1,345 จุด หากต่ำกว่าเป็นสัญญาณลบ

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideways โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,400 จุด แม้ตลาดยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ แต่ในช่วงที่ผ่านมา (YTD) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงและ Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งมองว่าสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ปัจจัยภายนอกคงมองเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยจะมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และมองดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB คาดจะปรับลดดอกเบี้ยและ Fed คาดจะคงดอกเบี้ย

ส่วนปัจจัยภายในประเทศคาดการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลตรุษจีนและการแจกเงินหมื่นเฟสสองจะเข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศลงทุนได้บ้าง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม

  • S&P Global เผยดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ม.ค. ปรับลงสู่ 52.4 ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่ ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ม.ค. ปรับลงสู่ 71.1 ต่ำกว่าตลาดคาด
  • BOJ มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% สูงสุดในรอบ 17 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะปรับนโยบายการเงินสู่ระดับที่เป็นกลาง พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์ Core CPI ปี 2567-2569 โดยระบุว่าราคาข้าวที่สูงขึ้นและเงินเยนที่อ่อนค่าลงได้ส่งผลให้ราคานำเข้าปรับตัวสูงขึ้น
  • ม.หอการค้าไทยคาดเม็ดเงินจากการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ที่ราว 51,780 ล้านบาท (+4.5%YoY) ซึ่งเป็นมูลค่าที่ขึ้นไปแตะ 5 หมื่นล้านบาท เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 อานิสงส์รัฐกระตุ้นใช้จ่าย Easy e-Receipt คาดเติมเงินในระบบได้ 3-5 หมื่นล้านบาท
  • ผู้ช่วย รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นจะใช้ชื่อว่าโครงการไทยเที่ยวด้วยกัน ซึ่งจะเริ่มเปิดใช้สิทธิได้ในช่วง มิ.ย. 2568 จำนวน 1 ล้านสิทธิ โดยครั้งนี้ถือเป็นเฟส 6 และอาจเปลี่ยนแค่ชื่อแอปฯ ส่วนเงื่อนไขและจำนวนสิทธิอาจไม่ต่างจากเดิม
  • ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งสัญญาณอาจกลับเข้า WHO หากมีการปรับปรุง ผอ. WHO เผยจะลดค่าใช้จ่ายและทบทวนความสำคัญของโครงการต่าง ๆ
  • รมว.พาณิชย์เผยหลังเข้าร่วมประชุม WTO ว่าที่ประชุมกังวลต่อมาตรการการค้าสหรัฐฯ ที่ตึงเครียดขึ้น และหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล มองไทยจะได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม
  • คมนาคมเผยในวันแรกของมาตรการส่งเสริมการใช้บริการขนส่งทางรางเพื่อลด PM 2.5 (25 ม.ค.) ามีผู้ใช้บริการรวม 1,634,446 คน/เที่ยว เพิ่มขึ้น 45.3% เทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ใน 3 สัปดาห์ของ ม.ค. 2568

หุ้นแนะนำวันนี้

AWC : เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยว โดย 4Q67 คาดมีกำไรปกติ 540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY และ 87%QoQ แรงหนุนจาก RevPar ที่เติบโตดีจากเป็นช่วงไฮซีซัน ขณะที่ 1Q68 มองธุรกิจโรงแรมจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 23%YoY จากปี 2567 ที่คาดเติบโต 57%YoY

CPF : 4Q67 คาดมีกำไรปกติ 4 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนปกติที่ 8 พันล้านบาท ใน 4Q66 แรงหนุนจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่สูงขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ  ด้วยราคาสัตว์บกในประเทศไทยและประเทศหลัก ๆ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น YTD ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง

ADVERTISMENT

เป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT)

ADVERTISMENT

2.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT

3.หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU ERW

4.Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้น Mid-Small Cap. ที่ราคาหุ้นปรับลง YTD มากกว่าตลาด แต่ 4Q67 และปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตดีและมีฐานะการเงินแกร่ง เลือก AMATA AU BCH BLA TIDLOR