บล.แอพเพิล เวลธ์ มอง Set Index เดือนก.ค.เสี่ยงปรับฐาน หลังไม่ผ่านแนวต้าน 1,600

บล.แอพเพิล เวลธ์ มอง Set Index เดือนก.ค.เสี่ยงปรับฐาน หลังไม่ผ่านแนวต้าน 1,600 คาดกำไร บจ.ไตรมาส 2/60 ทรุด-Fund Flow ต่างชาติชะลอไหลเข้า แนะทยอยเก็บหุ้นรับเหมาฯ- หุ้นปันผลสูง ที่แนวรับ 1,530-1,550 จุด

บล.แอพเพิล เวลธ์ ชี้หุ้นไทยเดือน ก.ค. ดัชนีฯเสี่ยงปรับฐาน หลังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,600 จุด แนวโน้มผลประกอบการบจ.ไตรมาส 2/60 ทรุด-ทิศทาง Fund Flow เริ่มแผ่ว แนะทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตั วลงสู่ระดับแนวรับบริเวณ 1,530 – 1,550 จุด ในหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ ITD, CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, SCC, DCC กลุ่มนิคมฯ AMATA, ROJNA, WHA และกลุ่มจ่ายปันผลสูงกว่า 4% GLOW, RATCH, PSH, LH, TTW, INTUCH

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิ เคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในในดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เคลื่อนไหวในกรอบ 1,560 – 1,590 จุด โดยปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางไม่สนับสนุนการผ่ านแนวต้านสําคัญบริเวณ 1,600 จุด ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคดัชนีฯ เริ่มส่งสัญญาณการอ่อนตัวอีกครั้ ง ส่งผลให้ทิศทางดัชนีตลาดหุ้ นไทยในเดือน ก.ค. มีแนวโน้มปรับฐานลงสู่ระดั บแนวรับบริเวณ 1,530 – 1,550 จุด

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่กดดันดัชนีฯ มาจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/60 ของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่ าจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้ า โดยฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการณ์ ในเบื้องต้น หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดว่ ากําไรสุทธิจะชะลอตัว -2.70% QoQ แต่ยังขยายตัวได้ราว 1% YoY อย่างไรก็ตาม สินเชื่อในครึ่งปีหลังคาดว่ าจะขยายตัวต่อเนื่องจากการปล่ อยสินเชื่อโครงการก่อสร้างภาครัฐ

ขณะที่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ช่ วงไตรมาส 2 นี้ ที่ปรับตัวลดลงกว่า 6 ดอลลาร์/บาร์เรล คาดส่งผลให้กําไรสุทธิในกลุ่มนี้ มีโอกาสชะลอตัวราว -40% QoQ กลุ่มสื่อสาร ADVANC, DTAC ยังมีแนวโน้มกําไรสุทธิชะลอตั วราว -10% QoQ, -25%YoY “นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศประเด็นการเริ่ มลดนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้ นเศรษฐกิจ ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในช่วงปลายปีนี้ ยังจะส่งผลให้ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติชะลอตัว” นายอภิชัย กล่าวในที่สุด

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนําซื้อในกลุ่มรับเหมาก่อสร้ างและวัสดุที่ได้แรงหนุ นจากการประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง เช่น ITD, CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, SCC, DCC กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รั บประโยชน์จากการลงทุนเขตเศรษฐกิ จ EEC เช่น AMATA, ROJNA, WHA กลุ่ม Defensive Stock ที่มีอัตราเงินปันผลสูงกว่า 4% และราคาปัจจุบันยังต่ำกว่ าConsensus Fair Value เช่น GLOW, RATCH, PSH, LH, TTW, INTUCH