
ซีพี จับมือ กระทรวงเกษตรฯ สกัดต้นตอฝุ่น PM 2.5 เดินหน้าระบบตรวจสอบย้อนกลับ ตัดวงจร ‘เผาป่า-เผาแปลง’ ไร่ข้าวโพด พร้อมดันเกษตรกรรมยั่งยืน สร้างรายได้แทนการเผา
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เดินหน้าปฏิบัติการ ตัดต้นตอหมอกควันพิษ PM 2.5 อย่างจริงจัง ประกาศ “ไม่รับซื้อ-ไม่นำเข้า” ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่เผาและรุกป่า พร้อมผลักดันระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Corn Traceability) สกัดข้าวโพดที่มาจากพื้นที่บุกรุกป่าและแปลงเผาทั่วประเทศ รวมถึงในประเทศเมียนมาตั้งเป้า “หยุดไฟ หยุดฝุ่น” ที่ต้นเหตุ พร้อมจับมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือแนวทางกำจัดปัญหาหมอกควันไฟป่าในภาคเหนืออย่างเป็นระบบ
นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุดด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือซีพี นำทีมผู้แทนจาก บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) หรือ BKP กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซีพีเอฟ และกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เข้าหารือกับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ดันมาตรการเชิงรุก แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 และหมอกควันข้ามแดนผ่านกลไกตรวจสอบย้อนกลับ
นายจอมกิตติกล่าวว่า ซีพีได้ประกาศนโยบายชัดเจน “ไม่รับซื้อ ไม่สนับสนุน” ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มาจากการเผาแปลงเกษตรและบุกรุกป่า พร้อมพัฒนา เทคโนโลยีดาวเทียมติดตามจุดความร้อนแบบเรียลไทม์ หากพบพื้นที่ใดมีการเผาแปลงเกษตรที่ลงทะเบียน ซีพีจะตัดสิทธิ์รับซื้อทันที ปิดทางข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มาจากการเผาแปลงจากพื้นที่บุกรุกเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
ทั้งนี้ ซีพีไม่เพียงแค่ตั้งกฎ แต่ลงมือทำจริง ระบบตรวจสอบย้อนกลับถูกนำมาใช้ในไทย 100% ตั้งแต่ปี 2559 และขยายผลสู่ประเทศเมียนมา โดยร่วมมือกับสมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา ล้างบางข้าวโพดเผาแปลงกว่า 570,000 เอเคอร์ ในรัฐฉานตอนใต้ ลดหมอกควันข้ามพรมแดน สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ซีพียังเดินหน้าสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกร เลิกเผา หันมาสู่เกษตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อ ภายใต้โมเดล “สบขุ่นโมเดล” จังหวัดน่าน ปลูกกาแฟแทนพืชเชิงเดี่ยว สร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 1.6 ล้านบาทต่อปี และขยายโครงการไปยังพื้นที่ 4 ต้นน้ำ ปิง-วัง-ยม-น่าน และ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ฟื้นป่ากว่า 12,079 ไร่
ขณะเดียวกันซีพีดึงพลังคนรุ่นใหม่ร่วมสู้ ผ่านแคมเปญ #FIGHTหมอกควัน สร้างกระแสความร่วมมือทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาหมอกควันและลดคาร์บอน พร้อมเปิดช่องทางแจ้งเบาะแสการเผาแปลงผ่านแอปฯ ฟ.ฟาร์ม ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง