ทองคำอาจจบรอบขาขึ้นใหญ่ หากหลุด 3,200 ดอลลาร์ จับตาทิศทางสงครามการค้า

ทองคำ ทองรูปพรรณ

ฮั่วเซ่งเฮง ชี้ ราคาทองคำอาจกลับมาเป็นขาลงในระยะสั้น หากหลุดแนวรับ 3,200 ดอลลาร์ จับตาสงครามการค้า จีน-สหรัฐ หลังครบ 90 วัน หากใช้อัตราภาษีเดิมอาจทุบราคาทองแตะ 3,000 ดอลลาร์ หรือทองไทยที่ 48,800 บาท แนะใช้กลยุทธ์เชิงรับในการเข้าซื้อสะสม

นางศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า ราคาทองคำอาจจะกลับมาเป็นขาลงในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะยังเป็นขาขึ้นได้อยู่ โดยหากหลุดแนวรับระยะสั้นที่ 3,200 ดอลลาร์ แนวโน้มอาจจะเป็นทิศทางขาลง ซึ่งปัจจัยหลักมาจากสงครามการค้าที่เริ่มผ่อนคลายลง โดยเฉพาะสงครามการค้าหว่างสหรัฐ และจีน ที่บรรลุข้อตกลงปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน

ส่งผลให้อัตราภาษีของสหรัฐ ที่เก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน ลดลงสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ระดับ 145% และอัตราภาษีของจีนที่เก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดิมที่ระดับ 125% ส่งผลให้ทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยโดนแรงเทขายอย่างหนัก

“ประเมินว่าหากหลุดแนวรับระยะสั้นที่ 3,200 ดอลลาร์ แนวรับถัดไปเป็น 3,150 ดอลลาร์ และกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือหลังจาก 90 แล้วยังใช้อัตราภาษีที่สหรัฐเก็บจีน 30% และจีนเก็บจากสหรัฐ 10% มองว่าราคาทองอาจจะกลับไปในช่วงที่สหรัฐและจีนเริ่มเก็บภาษีตอบโต้ จากอัตรา 10% เป็น 20% (4 มี.ค.) ซึ่งราคาทองช่วงนั้นอยู่ที่ประมาณ 2,900-2,930 ดอลลาร์ โดยประเมินว่าอาจจะไม่ลดลงไปมากขนาดนั้น เนื่องจากตอนนั้นยังไม่มีภาษีพื้นฐาน 10% โดยมองว่าอาจอยู่ที่ 2,950-3,000 ดอลลาร์ หรือทองไทยที่ 48,800 บาท ซึ่งมองว่าเป็นกรณีที่ลงไปต่ำสุดของปีนี้”

อย่างไรก็ตามหากสงครามการค้าไม่รุนแรงเท่าเดิม และเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ไม่ถึงถดถอยมองว่าราคาทองคำมีลุ้นว่าจะขึ้นไปใกล้ 3,500 ดอลลาร์ รวมถึงแรงซื้อธนาคารกลาง Dedollarization ยังหนุนระยะยาวด้วย

ทั้งนี้ยังประเมินว่าในระยะสั้นราคาทองคำจะยังผันผวนได้อยู่และแนวโน้มย่อตัวลงแรง แม้จะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ แต่ประเมินว่ามีโอกาสหลุดแนวรับนี้ลงไป โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 3,150 ดอลลาร์ แต่หลังความขัดแย้งหลายจุดเริ่มดูคลี่คลาย จึงมองเป้าหมายการลงปรับฐานรอบนี้อาจลงลึกกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า จึงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการเข้าซื้อสะสม

ADVERTISMENT

ในส่วนราคาทองคำในประเทศยังคงแนวโน้มพักฐานต่อ จึงยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อสะสมจากแนวรับที่ 48,500-47,000 บาท โดยมีแนวรับสุดท้ายที่ประเมินว่าอาจลึกสุดในการปรับฐานรอบนี้ที่ 45,000 บาท หากความขัดแย้งในหลายจุดที่แนวโน้มคลี่คลาย ประกอบกับสงครามภาษีมีท่าที่ผ่อนคลายลง

ราคาทองคำประจำวันนี้ (13 พ.ค. 2568) พุ่งขึ้น 250 บาท เปรียบเทียบกับราคาปิดเมื่อวานนี้ โดยทองรูปพรรณขายออกบาทละ 52,050 บาท อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ ที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เมื่อเวลา 13.52 น. ที่ผ่านมา

ทองคำแท่งมีราคารับซื้อในประเทศอยู่ที่บาทละ 51,150 บาท ขายออก 51,250 บาท ตามประกาศครั้งที่ 16 ประจำวันนี้ ขณะที่ทองรูปพรรณ 96.5% รับซื้ออยู่ที่บาทละ 50,225.08 บาท และมีราคาขายออกที่ 52,050 บาท ทั้งนี้ ในส่วนของราคาทองคำโลก (Gold Spot) อยู่ที่ระดับ 3,263.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์