“ปู” ปัดพี่สาวนำทัพเพื่อไทย ชี้ปรากฏหลายชื่อเป็นเรื่องดี เพราะทุกคนมีความสามารถ

เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 7 กรกฎาคม 2560 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฏหลายชื่อที่จะเข้ามานำทัพเพื่อไทย (พท.) ว่า การปรากฏชื่อหลายท่านเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องเมื่อมีการเลือกตั้งที่ชัดเจน

เมื่อถามว่า ปรากฏชื่อนางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล พี่สาวของคุณยิ่งลักษณ์ด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อันนี้ก็เพิ่งได้ยิน ทั้งนี้ พี่สาวได้ยินคงตกใจ เพราะเขาไม่มีเจตนาที่จะเข้ามายุ่งกับการเมืองเลย

เมื่อถามว่า ยืนยันไหมว่า ไม่ใช่เพราะอยากกลบภาพพรรคตระกูลชิน จึงให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรค พท.เดินสายออกหน้าทำกิจกรรมเพื่อชูเป็นแม่ทัพ พท. น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ความจริงแล้วทุกท่านก็เป็นคนที่มีความสามารถ และพรรคเองก็มีกลไกของพรรค ซึ่งอยากให้ท่านเลขาฯพรรคเป็นผู้ขยายความเพิ่ม

โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม ดังนั้น ทุกอย่างยังไม่มีความชัดเจน แต่วันนี้แกนนำพรรคทั้งหลายเราก็ช่วยกันประคับประคองเท่าที่กฎหมายจะเอื้ออำนวยให้เราทำ ตราบใดที่กฎหมายยังไม่ชัดเจนก็จะเป็นข่าวไปแบบนี้ แต่หากกฎหมายชัดเจนเมื่อใดก็คงจะได้มีการคุยกัน

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงกังวลว่าในการพิจารณาคดีนัดสุดท้ายจะมีการปลุกระดมประชาชนจนเกิดความวุ่นวาย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องเรียนว่าพี่น้องประชาชนมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน ต้องการให้กำลังใจ โดยเฉพาะที่หน้าศาลเพราะเรามีความผูกพันต่อกัน นอกจากนี้ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนเห็นนโยบายที่เรานำไปสู่ชาวนา รวมถึงเห็นผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อชาวนาก็ให้กำลังใจกันตามปกติ ตนก็อยากขอว่าอย่าตีความเป็นอย่างอื่นเลย เพราะตนเองก็พยายามสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนคนที่เกี่ยวข้องว่า การมาที่ศาลต้องอยู่ในกติกา คำสั่งศาล และคำสั่งของ คสช. ต้องระวังตรงนี้

เมื่อถามว่า กำลังใจยังดีอยู่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า กำลังใจยังดีอยู่ ต้องบอกว่าซึ้ง ซาบซึ้งใจจากกำลังใจที่ให้ตนมาตลอดเวลา วันนี้ต้องขอขอบคุณ ตรงนี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตนมีกำลังใจต่อสู้คดี แต่ส่วนสำคัญคือ ตนต้องสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนว่าตนไม่ได้ละเลยตามที่กล่าวหา

เมื่อถามถึงข้อเสนอเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงพูดยากหน่อย เพราะตนเองเป็นฝ่ายพลเรือน แต่ตนอยากให้คงคำว่า ตำรวจคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดูแลประชาชน และให้คำนึงถึงหลักยึดเพื่อความสงบของพี่น้องประชาชน

 

ที่มา : มติชนออนไลน์