‘นิด้าโพล’เผยปชช.ยังอยากได้ ‘บิ๊กตู่’ เป็นนายก ไม่มั่นใจได้เลือกตั้งก.พ.ปีหน้า

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ศูนย์สำรวจควำมคิดเห็น “นิด้ำโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจคววมคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (ครั้งที่ 3)” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17 – 19 กรกฎาคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,257 ตัวอย่าง เกี่ยวกับประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน ผลการสำรวจพบว่า

พรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้เข้ามาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ58.87 ระบุว่า พรรคการเมืองพรรคใหม่ ๆ เพราะ อากเห็นการเปลี่ยนแปลง มีคนใหม่ๆ นโยบายใหม่ๆ แนวคิด แนวทางการบริหารใหม่ๆ ขณะที่บางส่วนระบุว่า เบื่อการบริหารงานของพรรคการเมืองพรรคเก่า ร้อยละ 32.78 ระบุว่าพรรคการเมืองพรรคเก่า เพราะ มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ เข้าใจและสามารถ แก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่องกว่าพรรคารเมืองพรรคใหม่ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบการทำงานของพรรคารเมืองพรรคเก่า และร้อยละ 8.35 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ด้านบุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (10 อันดับแรก) พบว่า ส่วนใหญ่ อันดับ 1 ร้อยละ 31.26 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 14.96 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 10.50 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หัวหน้ำพรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 4 ร้อยละ 7.80 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (หัวหน้ำพรรคเสรีรวมไทย) อันดับ 5 ร้อยละ 7.48 ระบุว่าเป็น นำยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคอนาคตใหม่) อันดับ 6 ร้อยละ 6.28 ระบุว่าเป็น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ (รักษาการหัวหน้ำพรรคเพื่อไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 3.90 ระบุว่าเป็น นายชวน หลีกภัย (อดีตนายกรัฐมนตรี) อันดับ 8 ร้อยละ 2.55 ระบุว่าเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกรัฐมนตรี) อันดับ 9 ร้อยละ 0.64 ระบุว่าเป็น นายวิษณุ เครืองาม (รองนายกรัฐมนตรี) และอันดับ 10 ร้อยละ 0.48 ระบุว่าเป็น นายไพบูลย์ นิติตะวัน (พรรคประชาชนปฏิรูป)

เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล (5 อันดับแรก) พบว่า ส่วนใหญ่ อันดับ 1 ร้อยละ 31.19 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 21.88 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 3 ร้อยละ 16.47 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 4 ร้อยละ 9.63 ระบุว่าเป็น พรรคอนาคตใหม่ อันดับ 5 ร้อยละ 2.07 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย

สำหรับปัญหาที่อยากให้นายกคนต่อไปเข้ามาแก้ไขมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.39 ระบุว่า ปัญหาปากท้องและหนี้สินของประชาชน รองลงมา ร้อยละ 27.61 ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ร้อยละ 12.17 ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบ ผู้มีอิทธิพล ร้อยละ 8.12 ระบุว่า ปัญหาการควบคุมราคาสินค้า ร้อยละ 4.85 ระบุว่า ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม มิจฉาชีพ ร้อยละ 3.10 ระบุว่า ปัญหาด้านคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยในปัจจุบัน ร้อยละ 3.02 ระบุว่า ปัญหาการว่างงานและแรงงานนอกระบบ ร้อยละ 1.27 ระบุว่า ปัญหาด้านสุขภาพการรักษาพยาบาล และการคุ้มครองความเสี่ยงของผู้บริโภค ร้อยละ 1.91 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ปัญหาด้านการคมนาคม การส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ปัญหาด้านการบังคับใช้กฎหมาย และระบบงานราชการ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ทุกข้อรวมกัน และร้อยละ 0.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้ง ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยไม่มีการเลื่อนออกไปอีก พบว่าประชาชน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.94 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่น เพราะ ยังไม่มีความพร้อม สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเลื่อนการเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้งเลยทำให้ขาดความเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 38.82 ระบุว่า เชื่อมั่น เพราะ สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ เป็นไปตามโรดแมปที่รัฐบาลวางไว้ และเชื่อมั่นในความสามารถและความพร้อมของรัฐบาล และร้อยละ 7.24 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ