วิทยาศาสตร์ฯ มธ.โชว์ต้นแบบแอปฯ “ดริ๊งเซฟ” เช็กเมา รู้เวลาสร่างเมา

คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดตัวนวัตกรรมต้นแบบ แอปฯ “ดริ๊งเซฟ” แอปพลิเคชั่นตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด พร้อมประเมินสมรรถนะในการขับขี่ และเสนอทางออกในการขับขี่ที่ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ผศ.ดร.ทรงศักดิ์ รองวิริยะพานิช” อาจารย์ประจำสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. กล่าวว่า ประเทศไทย ถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสู งเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย โดยสาเหตุหลักมาจากการเมาแล้วขับ อันเห็นได้จากตัวเลขการเมาแล้วขับที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดในช่วงอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายของเทศกาลปีใหม่ 2560 มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าวสูงถึง 4,128 และ 478 ราย โดยสูงกว่าปีที่ผ่านมา 17.7% และ 25.7% ตามลำดับ (ที่มา : ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน )

เพื่อเป็นการช่วยภาครัฐลดสถิติจำนวนผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บจากกรณีดังกล่าว คณะวิทยาศาสตร์ฯ มธ. จึงได้พัฒนาต้นแบบแอปพลิเคชัน ‘ดริ๊งเซฟ’ (Drink Safe) แอปพลิเคชั่นวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ชนิดพกพา ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อแยกแยะความสามารถการขับขี่ ใน 2 ระดับ

 

 

 

 

 

 

 

คือ ขับรถได้ (ไม่เกิน 50mg%) และห้ามขับรถ (เกิน 50 mg%) ให้ผลเทียบเท่ากับการวัดจากเครื่องตรวจแอลกอฮอล์ของตำรวจ นอกจากนี้ ยังสามารถเสนอทางเลือกในการหลีกเลี่ยงการขับขี่ที่ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับแอปฯ ดริ๊งเซฟ จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสมาร์ทโฟน (Smart Phone) และอุปกรณ์เสริมที่เป็นเซ็นเซอร์ สำหรับตรวจวัดแอลกอฮอล์ (Sensor) เชื่อมต่อกับระบบประมวลผล Arduino โดยที่ผู้ใช้งานสามารถทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้ใน 1 ขั้นตอน เพียง “เป่าลมหายใจ เป็นเวลา 5 วินาที” เข้าไปที่เครื่องวัดแอลกอฮล์ที่มีการเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน

 

 

 

 

 

 

 

จากนั้นระบบจะทำการประมวลผลใน 2 นาที ว่าตรวจพบระดับแอลกอฮอล์ที่เกินมาตรฐานกฎหมายกำหนดหรือไม่ (โดยต้องไม่เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) ซึ่งในขณะเดียวกัน แอปฯ ยังคำนวณอัตราการลดระดับของแอลกอฮล์ในทุกๆ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงระยะเวลาที่ตนจะสร่างเมา และสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย

ยกตัวอย่างเช่น หากเป่าลมหายใจ แล้วมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ในเวลา 2.52 น. จะพร้อมขับขี่ได้ในเวลา 6.52 น. เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากในกรณีที่แอปฯ ประเมินแล้วว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกำหนด จะทำการแสดงฟังก์ชั่นในการเลี่ย งการขับขี่แก่ผู้ใช้งานใน 2 ทางเลือก คือ 1) ติดต่อเพื่อน โดยแอปฯ จะทำหน้าที่เชื่อมกับสังคมออนไลน์อย่าง เฟซบุ๊ค พร้อมทั้งแสดงรายชื่อเพื่อนที่มีประวัติการใช้งานแอปฯ และมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดต่ำ กว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และ 2) เรียกแท็กซี่ เพื่อใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะ

 

 

 

 

 

 

 

“แอปฯ ดังกล่าว ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาร่วม 4-5 เดือน และมีต้นทุนในการพัฒนาอยู่ที่ 2,000 บาท โดยเวลาการพัฒนาส่วนใหญ่ใช้ในการทดลอง เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างค่าดิจิทัลที่อ่านได้จากเซ็นเซอร์วัดระดับแอลกอฮอล์กับค่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือด เพื่อให้เกิดความแม่นยำ”

โดยผลงานชิ้นนี้เป็นของ 2 นักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ฯ มธ. ได้แก่ “ธรณัส กฤตยานวัช” และ “สิรวุฒิ วิรัตนพรกุล” ซึ่งปัจจุบันแอปฯ ดังกล่าวได้พัฒนาสำเร็จและสามารถตรวจแยกแยะระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่ระดับต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และสูงกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งได้ทำการทดลองเทียบกับเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของตำรวจ พร้อมแสดงผลได้ในทันที (Real Time)