‘รัฐกรณ์’จี้หยุดตั้งธงจำนวนปีผลิตครู แนะทุกฝ่ายถกก่อนล้มหลักสูตร 5 ปี

นายรัฐกรณ์ คิดการ ประธานที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย (ทปสท.) กล่าวถึงข้อเสนอของสภาคณบดีคณะครุศาสตร์ /ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย(ส.ค.ศ.ท.)ที่ให้กลับไปผลิตครูในหลักสูตร 4 ปี จากเดิม 5 ปีว่า คุณภาพการศึกษาไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนปี แต่ขึ้นอยู่กับระบบและกลไกในการผลิตและพัฒนาครูซึ่งก่อนการเปลี่ยนแปลงใดๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสถาบันผลิตครู คณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ควรต้องหารือร่วมกันพร้อมทั้งนำงานวิจัยมาประกอบการพิจารณาด้วย

“ควรหาโมเดลที่ตอบโจทย์เรื่องคุณภาพให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาหาข้อสรุปว่าหลักสูตรครูควรเป็นกี่ปี ส่วนตัวจะกี่ปีก็ได้ สิ่งสำคัญต้องตอบโจทย์คุณภาพและ ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าเปลี่ยนแล้วคุณภาพจะดีขึ้นอย่างไร ไม่ใช่ตั้งธงที่จำนวนปีก่อน” นายรัฐกรณ์ กล่าวและว่า ที่ผ่านมาเราใช้หลักสูตรครู 4 ปีมาโดยตลอดจนถึงปี 2547 ได้เปลี่ยนมาผลิตครูพันธุ์ใหม่และยกให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง จึงเพิ่มเรื่องฝึกวิชาชีพ 1 ปีรวมเป็น 5 ปี ต่อมาปี 2553 คณะกรรมการบริหารโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นประธาน มีแนวคิดให้ยกเลิกหลักสูตรครู 5 ปีในปี 2556 ให้การผลิตครูพันธุ์ใหม่แบ่งเป็น 2 หลักสูตรแทน คือ 1.หลักสูตร 4+2 โดยเปิดให้ผู้มีวุฒิอื่นมาเรียนครู 2 ปี และ2.หลักสูตรครู 5+1 เพื่อให้ครูมีวุฒิขั้นต่ำเทียบเท่าระดับปริญญาโท แต่แนวคิดดังกล่าวไม่ทันได้ใช้เพราะมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีก่อน

นายรัฐกรณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามหลังมีข่าวว่าขณะนี้จะกลับไปใช้หลักสูตรครู 4 ปี ปรากฏว่ามีเสียงสะท้อนทั้งจากบุคลากรครูและนักเรียนผู้ปกครองว่าเปลี่ยนกลับไปกลับมา ส่งผลกระทบต่อผู้เรียนโดยเฉพาะปีการศึกษา 2560 ที่จะยังคงใช้หลักสูตรครู 5 ปีขณะที่ปีการศึกษา 2561 จะใช้หลักสูตรครู 4 ปีซึ่งใช้ระยะเวลาเรียนน้อยกว่า แต่จบพร้อมกันและมาแข่งขันการสอบบรรจุในปีเดียวกัน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสถาบันผลิตครูโดยเฉพาะประกาศศธ.เรื่องเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ.2558 ที่กำหนดว่าแต่ละหลักสูตร/สาขา จะต้องมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร/สาขาอย่างน้อย 5 คนและต้องไม่ซ้ำกัน เท่ากับสถาบันผลิตครูจะต้องหาอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรครู 4 ปีเพิ่มมาอีกชุด ทุกสถาบันผลิตครูจะต้องเผชิญกับปัญหาการหาอาจารย์มารับผิดชอบหลักสูตรที่ต้องไม่ซ้ำกันในแต่ละสาขา และน่ากลัวว่าจะมีการแก้ไขปัญหาโดยใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มายกเลิกประกาศดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวมองว่าถ้าเป็นเช่นนั้น จะเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ฉะนั้นก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ ควรต้องศึกษาความเป็นมาว่าทำไมถึงเปลี่ยนจากหลักสูตร 4 ปี มาเป็น 5 ปี มีผลดีผลเสียอย่างไรบ้างและนำงานวิจัยศึกษาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างหลักสูตร 4 ปีและ 5 ปีมาประกอบการพิจารณาด้วย

 

ที่มา มติชนออนไลน์