ศุลกากรหนองคายจับรถขนน้ำมัน 5 คันเตรียมส่งลาว แจ้งประเภทน้ำมันเท็จ ไม่ตรงเอกสาร

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ด่านศุลกากรหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย, นายละนอง แก้วศรีช่วง สรรพสามิตพื้นที่หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบนำน้ำมันผิดประเภท และแจ้งเอกสารเท็จกับเจ้าหน้าที่ โดยเป็นรถบรรทุกน้ำมัน 5 คัน คนขับรถ 5 คน มีนายวุฒิศักดิ์ ทองมาตย์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 272 หมู่ 9 ต.บ้านหัน อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ, นายเทอดศักดิ์ ศรีสร้อย อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/17 หมู่ 3 ต.มวกเหล็ก จ.สระบุรี, นายดำรงค์ คุยสี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 2 ต.หนองหญ้าไทร อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร, นายสมพิศ คำภาไพร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 1 ต.หนองบัวสันตุ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม และนายชุมพงษ์ ชุ่ยลานหญ้า อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144 หมู่ 5 ต.ทุ่งกระบ่ำ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี

นายนิมิตรกล่าวว่า จากการข่าวทราบว่าน่าจะมีการทุจริตในการส่งออกน้ำมันและการขอคืนภาษีสรรพสามิต โดยใส่น้ำมันมาไม่เต็มรถ มีการบรรจุน้ำมันมาเพียง 1 ช่องเท่านั้น มาจำนวน 6 คัน จึงจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จนกระทั่งเช้าวันนี้ มีรถน้ำมันของบริษัท หนองจิกปิโตรเลียม ตั้งอยู่ที่ จ.สระบุรี ได้ยื่นเอกสารใบขนขาออก 2 ชุด เพื่อนำน้ำมันไปส่งให้กับปลายทางที่บริษัทลาวใหม่ปิโตรเลียม สปป.ลาว โดยชุดหนึ่งเป็นน้ำมันเบนซินประมาณ 121,000 ลิตร อีกชุดหนึ่งเป็นน้ำมันดีเซลประมาณ 31,000 ลิตร ศุลกากรจึงได้ประสานกับสรรพสามิตที่ทำงานร่วมกันบริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย–ลาว ตรวจสอบ พบมีการกระทำผิดจริง ซึ่งตามปกติการรับน้ำมันจะรับจากต้นทาง คือ บริษัท เอสโซ่ ศรีราชา จะต้องใส่น้ำมันเต็มทุกช่อง และสรรพสามิตจะซีลอากรสรรพสามิตมาพร้อมด้วย แสดงว่าเป็นน้ำมันที่เสียภาษีถูกต้องแล้ว พอปลายทางศุลกากรก็จะเช็คซีลอากรว่าถูกต้องหรือไม่ แต่ปรากฏว่ารถน้ำมันของบริษัท หนองจิกปิโตรเลียม ตรวจสอบซีลเบื้องต้นสมบูรณ์ เมื่อเปิดดูกลายเป็นน้ำมันเหลือเพียงช่องเดียว และยังเป็นน้ำมันดีเซลแทนที่จะเป็นน้ำมันเบนซินตามใบแจ้ง ซ้ำยังมีน้ำมันดีเซลอยู่จริงเพียงคันละ 7,000 ลิตรเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมคนขับรถไว้ได้ 5 คน รถ 5 คัน ส่วนที่เหลืออีก 1 คันที่หลบหนี กำลังเร่งติดตามอยู่

นายด่านศุลกากร กล่าวอีกว่า การกระทำลักษณะนี้จะเกิดความเสียหายกับภาครัฐ เนื่องจากในใบขนรับน้ำมันเบนซินจากบริษัท เอสโซ่ ศรีราชา คันละ 51,000 ลิตร มูลค่า 1,046,201 บาท มูลค่าภาษีสรรพสามิต 331,500 บาท การส่งออกจะมีการขอคืนภาษีสรรพสามิตอย่างแน่นอน ด้วยการนำเอกสารจากศุลกากรไปยื่นต่อสรรพสามิตขอคืนภาษีคันละ 3 แสนบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีก ตกเฉลี่ยคันละ 4 แสนบาท ที่จะได้รับคืนภาษี และน้ำมันที่ไม่ได้ส่งออกก็จะนำไปขายในประเทศไทย ทำกำไรได้อีก ซึ่งจากการสอบถามทางลับกับคนขับรถก็ยอมรับว่า มีการนำน้ำมันไปลงในจุดที่สั่งงานไว้แถวปริมณฑล ขบวนการนี้คาดว่าจะเป็นขบวนการใหญ่ที่กล้าเบรกซีลสรรพสามิตเพื่อเอาน้ำมันออก น้ำมันที่จะส่งออกมี 2 ประเภท คือ 1 จากคลังสินค้าผ่านแดนน้ำมันของศุลกากร โดยมีศุลกากรคุมตั้งแต่ต้นทาง มีการซีลอากรของศุลกากรกำกับไว้ หากมีผู้ซื้อก็ซีลอากรแล้วส่งออก กับอีกประเภทหนึ่งเป็นประเภทน้ำมันจากโรงกลั่นที่เสียภาษีศุลกากรแล้ว จะเป็นหน้าที่ของสรรพสามิตที่ควบคุมภาษีทั้งหมด ลักษณะนี้เป็นการซื้อน้ำมันจากโรงกลั่นที่เสียภาษีแล้วครบถ้วน เมื่อส่งออกสำเร็จก็จะไปขอคืนภาษี ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่ที่ต้องรู้กันทั้งในและต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่จะต้องขยายผลและทำงานร่วมกับสรรพสามิตซึ่งจะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกที่ด่านหนองคาย รวมทั้งต้องมีการพูดคุยกับทางการลาวเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหากับคนขับรถทั้ง 5 คน ในการทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 99 สำแดงเอกสารเป็นเท็จ และมาตรา 27 หลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อจำกัดในการนำสินค้าออกนอกประเทศ

 

ที่มา มติชนออนไลน์