SPCG ประกาศจ่ายปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น ปลื้มครึ่งปีแรกกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 1,415 ล้านบาท

SPCG ประกาศจ่ายปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น ปลื้มครึ่งปีแรกกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 1,415 ล้านบาท “ซีอีโอ SPCG” เผยธุรกิจโซลาร์รูฟเติบโตโดดเด่น ชี้ “คอมเมอร์เชียล-กลุ่มโรงงาน-ครัวเรือน” แห่ติดตั้ง เพราะช่วยลดค่าไฟได้มาก ช่วยลดต้นทุนดำเนินงาน ส่งผลกำไรเพิ่มขึ้นชัดเจน

วันนี้ (15 ส.ค.) ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานวันบริษัท จดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) แถลงผลประกอบการงวด 6 เดือนหรือครึ่งปีแรก บริษัทมีกำไรสุทธิกว่า 1,415 ล้านบาท และในงวดเดียวกันนี้ทำรายได้รวมกว่า 2,579 ล้านบาท สามารถทำกำไรสุทธิและรายได้รวมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนในงวดเดียวกัน ซึ่งคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.50 บาท จากงวดผลดำเนินงาน วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2560 ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 30 ส.ค.60 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลระหว่างกาล โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนและพักการโอนหุ้น ในวันที่ 31 ส.ค.60 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 8 ก.ย.60

ทั้งนี้บริษัททำกำไรได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากยอดขายโซลาร์รูฟที่เติบโตดีขึ้นมาก มีลูกค้าทั้งกลุ่มครัวเรือน คอมเมอร์เชียล และกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะลูกค้าเมื่อติดโซลาร์ รูฟแล้ว ต่างเห็นผลลัพธ์ที่ดี สามารถลดค่าไฟได้มาก ช่วยลดต้นทุนดำเนินงาน ทำให้กิจการของลูกค้ามีกำไรเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจึงเป็นที่นิยมแพร่หลายในท้องตลาดมากขึ้น

ดร.วันดี กล่าวว่า ลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ SPR Solar Roofแล้ว ต่างประทับใจในแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของ Kyocera จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน รวมทั้งลูกค้ามั่นใจในบริษัท Kyoceraที่ก่อตั้งมา 60 ปี โดย ดร.อินาโมริ คาซึโอะ ซึ่งเป็น วิศวกรด้านเซรามิก เป็นผู้นำเซรามิก มาทำเป็นอิเล็กทรอนิกส์ พาร์ท เป็นผู้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นเชิญมาให้ฟื้นฟู เจแปน แอร์ไลน์ จากล้มละลายมาสู่ การเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ญี่ปุ่น และ Kyocera เป็น 4 บริษัทในโลก ที่แผงเซลล์แสงอาทิตย์ผ่านการทดสอบ “World First Long-Term Sequential Test” by TUV Rheinland-January 2011 ให้การรับประกันแผงยาวนานถึง 25 ปี และหลังจากปีที่ 25 การันตีคุณภาพการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 80 เปอร์เซนต์ นอกจากนี้บริษัทยังเลือกใช้ Inverter SMA มาตรฐานจาก ประเทศเยอรมันนี เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและมาตรฐานความปลอดภัยอย่างสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด บมจ.เอสพีซีจี และ SPR Solar Roof ได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 9001:2015 (ด้านคุณภาพ) ภายใต้นโยบายคุณภาพ“Best Value, Best Design, Best Output and Best Service To All of Customer” เพื่อนำระบบมาตรฐานมาประยุกต์ใช้ให้เกิดคุณภาพของการติดตั้งและบริการ นอกจากนี้ SPR Solar Roofยังได้การรับรองมาตรฐาน OHSAS 18001:2007 (การจัดการด้านความปลอดภัย) มาควบคุม กำกับ ดูแล การทำงานให้เกิดความปลอดภัยตามระบบสากล และข้อกำหนดกฎหมาย ภายใต้นโยบายความปลอดภัย “The Most Safety”โดยได้รับการรับรองจากหน่วยงาน NQA UKASเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค.60 นิตยสารการเงินธนาคาร จัดอันดับ 300 บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2017 ผลปรากฎว่า บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” คว้าอันดับที่ 26 จาก 300 บริษัท โดยบริษัท “SPCG”มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การพิจารณาครบทุกข้อ โดยปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีมูลค่าตลาดรวม 19.773.39 ล้านบาท , สินทรัพย์ 24,232.28 ล้านบาท, ส่วนของผู้ถือหุ้น 8,294.62 ล้านบาท, รายได้ 5,544.30 ล้านบาท, กำไรสุทธิ 2,314.21 ล้านบาท และอัตราส่วนกำไรสุทธิ 41.74% นอกจากนั้นยังมีกำไรต่อหุ้น 2.50 บาท, อัตราตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ 13.77 %, อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น 29.93 % ทั้งยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 5.84 % ซึ่งเท่ากับ 1.10 บาทต่อหุ้น