
คอลัมน์สามัญสำนึก โดย สมปอง แจ่มเกาะ
ยังอยู่ในอาการฝุ่นตลบและอลหม่านไปทั้งบาง สำหรับผลกระทบจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา
ล่าสุด บรรดาแรงงานเมียนมา กัมพูชา ลาว ที่เข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง ยังทยอยเก็บข้าวของหอบลูกจูงหลานกลับไปบ้านเกิดเป็นระลอก ๆ เพราะกฎหมายใหม่ฉบับนี้ บทลงโทษหนักสุด ๆ โทษหนักทั้งนายจ้าง-ลูกจ้าง
ผลที่ตามมา ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจประมง แพปลา แปรรูปสัตว์น้ำ ขาดแรงงานไปไม่ต่ำกว่า 50%
ไม่มีแรงงานก็ออกทะเลหาปลาไม่ได้ ต้องจอดเรือเทียบท่าเฉย ๆ ธุรกิจชะงัก กระทบกันเป็นลูกโซ่
แม้ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะใช้มาตรา 44 เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ชะลอการบังคับใช้บางมาตราที่มีบทลงโทษรุนแรงไปก่อนอีก 180 วัน เพื่อให้นายจ้างและลูกจ้างได้เตรียมตัวให้ทัน
นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ย้ำว่า ขอให้ทุกฝ่ายอย่าได้กังวล แรงงานต่างด้าวยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
เป็นการลดกระแสความตื่นตระหนกและลดผลกระทบข้างเคียงจากยาแรงเข็มใหญ่ที่รัฐบาลฉีดลงไป
ว่ากันว่าเพียงระยะเวลาสัปดาห์เศษมีแรงงานต่างด้าวเดินทางออกผ่านด่านชายแดนไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นคน
ว่ากันว่า วันนี้บ้านเรามีแรงงานต่างด้าวทำงานอยู่ไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้านคน และในจำนวนนี้เป็นแรงงานเถื่อนถึง 50% จึงเชื่อว่าจากนี้ไปก็ยังจะมีแรงงานต่างด้าวทยอยกลับประเทศอีกเป็นระยะ ๆ
เป็นที่รับรู้กันดีว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานของบ้านเรานั้นมีมานานแล้ว และจำเป็นต้องอาศัยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำแทน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากค่านิยมของคนไทยที่ไม่ชอบทำงานหนัก ไม่ชอบทำงานแบกหามก่อสร้างกรรมกร งานประมง แม้กระทั่งงานด้านการเกษตรที่เป็นอาชีพหลักของบรรพบุรุษ ตรงกันข้าม ชอบทำงานอิสระ ไม่ต้องอื่นไกล ปีที่แล้ว คสช.เปิดให้ลงทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือวินมอเตอร์ไซค์ที่เรา ๆ ท่าน ๆ เรียกขาน สรุปเฉพาะกรุงเทพฯเพียงจังหวัดเดียว กรมการขนส่งทางบกระบุว่า มีตัวเลขมากกว่า 91,300 คน เลยทีเดียว
นอกจากนี้ การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างอายุของประชากรไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก คือ คนแก่คนสูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี แต่อัตราเกิดของคนไทยกลับลดลง จึงทำให้ประเทศขาดคนในวัยแรงงาน
จึงไม่แปลกใจที่เดี๋ยวนี้ ไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนพม่า คนเขมร คนลาว ทำงานอยู่ทุกทั่วหัวระแหง ไม่เพียงเฉพาะธุรกิจประมง ธุรกิจก่อสร้าง บรรดาร้านอาหาร ก็มีตั้งแต่พนักงานโบกรถ พนักงานเสิร์ฟ ไปจนยันพ่อครัวแม่ครัวคอยปรุงอาหาร ปั๊มน้ำมัน คนส่งน้ำแข็ง คนรับใช้ทำงานบ้าน ก็ล้วนแต่เป็นต่างด้าว
ตอนนี้บรรดาธุรกิจทั้งหลายคงต้องมานั่งลุ้นว่า แรงงานเหล่านี้จะกลับมาทำงานในไทยได้สักกี่มากน้อย หรือจะหาแรงงานที่ถูกต้องจากไหนมาทดแทน ทุกคนคงต้องกลับมานั่งกดเครื่องคิดเลขแล้วว่าจะมีค่าใช้จ่าย มีค่าธรรมเนียมใบอนุญาตต่าง ๆ เพิ่มอีกมากน้อยเพียงใด เช่น ใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงาน 2 หมื่นบาท/ฉบับ ใบอนุญาตทำงาน 2 หมื่นบาท/ฉบับ การจ้างคนต่างด้าว 2 หมื่น/คน เป็นต้น
นี่ยังไม่นับรวมถึงค่าจ้างแรงงานต่างด้าวที่ในสภาพความเป็นจริงวันนี้ นายจ้างก็ต้องจ่ายมากกว่าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 310 บาทอยู่แล้ว
จากนี้ไปแรงงานต่างด้าวที่เข้าประเทศอย่างถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง จะโก่งค่าตัวขอค่าแรงเพิ่มหรือไม่ ! นี่คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ส่วนแม่บ้าน-พ่อบ้าน อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ใครเคยจ้างคนรับใช้ต่างด้าว จากนี้ไปก็เห็นทีจะต้องล้างจานเอง ซักผ้ารีดผ้าเอง ทำความสะอาดบ้านเองแล้วละครับ
ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้