โล่งพ้น “คดีข้าวถุง”

ในปีที่ผ่านมาสิงห์โตทองฯ ดำเนินการเคลียร์คดีค้างจากโครงการรับจ้างผลิตข้าวถุงให้กับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ธุรกิจส่งออกข้าวของบริษัทชะลอตัว แต่ขณะนี้คดีข้าวถุงสิ้นสุดแล้ว โดยอยู่ระหว่างการขอคืนหลักทรัพย์ค้ำประกัน 379 ล้านบาท รวมทั้งค่าธรรมเนียมธนาคารอีก 10 ล้านบาท

จนเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 บริษัทได้ยื่นฟ้องแพ่ง ตามคดีดำหมายเลขที่ พ.865/2560 เรียกคืนค้ำประกันและค่าเสียหายจาก 1) อคส. 2) ผอ.อคส. 3) รอง ผอ.อคส. (นางสาวอมราภรณ์ สันติวงศ์) ซึ่งศาลได้นัดไกล่เกลี่ย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน โดยมีเจ้าหน้าที่ อคส. ซึ่งเป็น ผอ.กองนิติการ ได้แถลงต่อศาล ระบุว่า โจทก์ (บริษัทสิงห์โตทอง) ไม่ได้ทำผิดสัญญาทั้ง17 ข้อ และ อคส.ได้ขอเวลา 1 เดือนจะคืนค้ำประกันทั้งหมดให้สิงห์โตทอง (8 ก.ค. 2560) แต่เมื่อครบกำหนด 1 เดือนแล้ว ทางรักษาการ ผอ.อคส.ยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบความถูกต้องในการดำเนินการเพื่อที่จะคืนหลักทรัพย์ค้ำประกันดังกล่าว”

ล่าสุด ทางบริษัทจึงยื่นคำร้องอีกรอบต่อศาลอาญาทุจริตตามเลขคดีดำที่ 372/2560 รอง ผอ.อคส.รักษาการ ผอ.อคส. นางสาวอมราภรณ์ สันติวงศ์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา 157 ซึ่งศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีนัดไกล่เกลี่ย ในวันที่ 18 กันยายนนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นเจ้าของคลังกลางที่รับฝากเก็บข้าวสารจากโครงการรับจำนำปี 2556/2557 โดยมีคลัง 2 หลัง รับฝากข้าว 5% ประมาณ 800,000 กระสอบหรือ 80,000 ตัน บริษัททำเรื่องขอซื้อข้าวในคลังคืนกิโลกรัมละ 10 บาท แต่ทางกรมการค้าต่างประเทศไม่ขายให้ แต่ภายหลังบริษัทวี ซี เอฟ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ประมูลชนะไปในราคา กก.ละ 5.07 บาทเช่นเดียวกับคลังวรโชติจังหวัดอ่างทอง

“บริษัทสิงห์โตทองได้เคยทำหนังสือขอซื้อก็ไม่ขายให้ และเมื่อนำมาประมูลได้ราคาต่ำ ทางบริษัทก็ได้ทำหนังสือคัดค้าน ขอให้ยุติการประมูล รวม 3 ฉบับ แต่ไม่เป็นผล หลังจากนี้ก็คงต่อสู้ดำเนินคดีต่อไป”

แฟ้มภาพ