ส่งออกข้าวโค้งสุดท้ายเดือด “โกลเด้นแกรนารี่” โรงสีหน้าใหม่โผล่ชิงแชร์

ปิดฉากส่งออกข้าวโค้งสุดท้าย ลุ้นออร์เดอร์ปินส์-จีทูจี จีน ดันยอดทะลุเดือนละ 9.7 แสนตัน ให้ได้เป้า 11 ล้านตัน เอกชนหวั่นปี”62 ส่งออกหืดจับ 10 ล้านตัน เหตุ “ตลาดแอฟริกาฝืด ค่าเงินพัง-จีนถล่มสต๊อก-โรงสีน้องใหม่โกลเด้น แกรนารี่โผล่แข่ง

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตามข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์รายงานข้อมูลการส่งออกข้าวไทยช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2561) มีปริมาณ 9,049,106 ตัน เพิ่มขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมูลค่า 4,567 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เท่ากับว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายไทยต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 970,000-980,000 ตัน จึงจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 11 ล้านตัน

“มั่นใจว่าเป็นไปได้ เพราะขณะนี้ตลาดสำคัญ เช่น ฟิลิปปินส์ มีประมูลนำเข้าข้าวขาว 25% ปริมาณ 750,000 ตัน และการตกลงรับมอบข้าวของคอฟโก้ รัฐวิสาหกิจจีน ลอตที่ 7 ปริมาณ 100,000 แสนตัน ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปและสามารถส่งมอบได้ในเดือนธันวาคมนี้”

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้ายังน่าห่วงเพราะขณะนี้ค่าเงินอินเดียและปากีสถานลดลงจนทำให้ราคาข้าวของทั้ง 2 ประเทศถูกลงกว่าไทย ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวนึ่ง ส่วนข้าวหอมมะลิไทยนั้นมีราคาแพงกว่าคู่แข่งเพิ่มขึ้นเป็นตันละ 200 จากเดิมแพงกว่าตันละ 100 เหรียญสหรัฐ อาจทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับกัมพูชาและเมียนมา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ลดลงไปแล้ว 20% และที่สำคัญตลาดข้าวโลกยังได้รับแรงกดดันจากสต๊อกข้าวสารของจีนที่มีถึง 113 ล้านตัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากปกติที่มีเพียง 40 ล้านตัน หรือเทียบเท่ากับปริมาณการค้าข้าวโลกถึง 3 ปีเลย และจีนขายข้าวดังกล่าวถูกมากตันละ 320 เหรียญสหรัฐไปยังตลาดแอฟริกา ขณะที่ราคาข้าวไทย 390 เหรียญสหรัฐ ตอนนี้ไทยจึงมีเพียงแค่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่ซื้อปริมาณมาก แต่หากปลายปีนี้ฟิลิปปินส์ซื้อสต๊อกตอนนี้ อาจจะไม่ซื้ออีกในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ราคาส่งออกข้าวปีนี้ ถือว่าสูง โดยราคาข้าวหอมมะลิเฉลี่ยสูงเกินตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ จากพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิภาคอีสานบางส่วนเสียหายจากภัยแล้งและจากน้ำท่วม ประกอบกับชาวนาเก็บข้าวขึ้นยุ้งฉางมากขึ้น และดีมานด์ในประเทศเพิ่มขึ้นด้วย จึงส่งผลให้ราคาข้าวหอมมะลิปี”61/62 ต้นฤดู ไล่ซื้อกันขึ้นไปจนถึงตันละ 18,000 บาทช่วงต้นฤดู แม้ขณะนี้ราคาจะลดลงมาที่ตันละ 16,000-17,000 บาท แต่ก็ยังสูงกว่าปีก่อน

แหล่งข่าวจากวงการส่งออกข้าว กล่าวว่า การส่งออกในช่วงโค้งสุดท้ายยังมีปัญหาจากกรณีค่าเงินในตลาดแอฟริกาทำให้ลูกค้าไม่สามารถหาเงินดอลลาร์มาชำระค่าข้าวได้ ซึ่งไทยต้องลุ้นคำสั่งซื้อในตลาดเอเชียที่กลับมาในช่วงโค้งสุดท้าย ในช่วงสัปดาห์นี้ฟิลิปปินส์เปิดประมูลข้าวขาว 25% ปริมาณ 200,000 ตัน แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ซึ่งคาดว่าไทยจะชนะประมูลลอตนี้ได้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ทางฟิลิปปินส์ได้เปิดประมูลแบบรัฐบาลต่อเอกชน (G to P) ซื้อข้าวขาว 25% ปริมาณ 500,000 แสนตัน ซึ่งไทยชนะการประมูล 100,000 ตันเศษเท่ากับเวียดนาม ส่วนที่เหลืออีก 200,000 ตันเศษเป็นของบริษัทโบรกเกอร์ต่างชาติ ทั้งนี้หากไทยชนะประมูลต้องทยอยซื้อข้าวเพื่อส่งมอบให้กับฟิลิปปินส์ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561-เดือน ก.พ. 2562

ส่วนแนวโน้มการส่งออกข้าวในปี 2562 อาจทำได้ 9.6-9.7 ล้านตัน ชะลอตัวลงจากปีนี้ เพราะนอกจากต้องแข่งขันกับจีน และค่าเงินในตลาดแอฟริกาแล้ว ขณะนี้มีการแข่งขันอย่างรุนแรงระหว่างผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกซึ่งพัฒนาจากการทำโรงสีมีเพิ่มมากขึ้น

“ล่าสุดมีบริษัท โกลเด้น แกรนารี่ จำกัดที่ส่งออกได้ถึง 300,000-400,000 ตัน เดิมบริษัทนี้มีโรงสีอยู่ในจังหวัดชัยนาท พิจิตร และร้อยเอ็ด เชี่ยวชาญทั้งข้าวขาว ข้าวนึ่ง และข้าวหอมมะลิ และกำลังสร้างท่าเรือที่บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หากสำเร็จจะครบวงจร เช่นก่อนหน้านี้ที่มีกลุ่มแสงฟ้า และธนสรรไรซ์ที่เติบโตจากโรงสีมาเป็นท็อปเทนไปแล้ว”