คาดจีนออกมาตรการกระตุ้น หลังเศรษฐกิจฟุบ ต่ำสุดในรอบ 28 ปี ปี’61จีดีพีขยายตัว 6.6 เปอร์เซ็นต์

AFP PHOTO / STR

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 20 มกราคมว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจีนตลอดปี 2561 ที่ผ่านมาซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มกราคมนี้จะชะลอลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี หลังจากที่คาดหมายกันว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงไตรมาสสุดท้ายระหว่างเดือน ตุลาคมเรื่อยมาจนถึงเดือนธันวาคมปี 2561 นั้นขยายตัวเพียง 6.4 เปอร์เซ็นต์ ลดต่ำลงจากระดับ 6.5 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสก่อนหน้า และจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมทั้งปี 2561 ของจีนซึ่งวัดจากอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ระดับ 6.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 เรื่อยมา และเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดต่ำลงจากเมื่อปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 6.8 เปอร์เซ็นต์อย่างต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์เชื่อว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอลงเร็วกว่าที่คาดไว้เกิดจากการที่ความต้องการภายในประเทศลดลง ในขณะเดียวกับที่กำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการผลิตเพื่อการส่งออก และทำให้การลงทุนอ่อนตัวลงตามมา ภาวะการชะลอตัวดังกล่าวนี้กลายเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลจีนให้ประกาศใช้มาตรการสนับสนุนต่างๆ ออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจทรุดตัวลงหนักและเร็วกว่าที่เป็นอยู่

ก่อนหน้านี้ทางการจีนเคยแถลงยินยันจะดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นในปี 2562 นี้ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาว่างงานขยายตัวลุกลามตามมา อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ใช้คงไม่ใช้แบบเหวี่ยงแห เป็นการทั่วไปเหมือนในอดีตซึ่งส่งผลต่อการขยายตัวของจีดีพีได้ทันใจก็จริงแต่ก็ส่งผลให้เกิดหนี้สินขึ้นในระบบมหาศาลตามมาด้วย นักวิเคราะห์คาดว่ามาตรการของจีนตลอดปี 2562 นี้ น่าจะอยู่ในรูปของการปรับลดภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ รวม 2 ล้านล้านหยวน กับการปล่อยให้รัฐบาลมณฑลออกพันธบัตรได้อีกอย่างน้อย 2 ล้านล้านหยวน

สัญญาณแสดงภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถือกันว่าเป็นจักรกลฉุดลากเศรษฐกิจของทั้งโลกให้รุดหน้าตามไปด้วยเพราะทำให้เศรษฐกิจของทั้งโลกขยายตัวมากถึง 1 ใน 3 ของอัตราการขยายตัวรวมของโลก ยิ่งเพิ่มความกังวลต่อบรรดานักลงทุนทั้งหลายว่าจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมและยังกลายเป็นตัวฉุดผลกำไรของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ทั้งหลาย ตั้งแต่ แอปเปิล อิงค์.ไปจนถึงผู้ผลิตรถยนต์ระดับยักษ์ใหญ่ของโลก

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันด้วยว่า มาตรการกระตุ้นของทางการจีนนั้น คงจะยังไม่ส่งผลให้เห็นโดยเร็ว ดังนั้นในไตรมาสแรกของปีนี้ก็คาดกันว่า จีดีพี ของจีนจะลดลลงอย่างต่อเนื่อง อาจลงต่ำถึง 6.3 เปอร์เซ็นต์ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้น และแม้ว่า จีนจะสามารถทำความตกลงยุติความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาได้ในการเจรจาที่วอชิงตันในเวลานี้ ผลก็จะไม่ทำให้จีดีพีของจีนกระเตื้องขึ้นมากมายนัก จนกว่าจีนจะสร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดการลงทุนได้เพิ่มขึ้นและผู้บริโภคภายในประเทศเต็มใจจับจ่ายมากขึ้นเท่านั้น

 

 


ที่มา  มติชนออนไลน์