
เมื่อวันที่ 10 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อชาติ บ้านดองกำเม็ด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ นางสุนีย์ อินฉัตร อดีต สว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย น.ส.มาลินี อินฉัตร อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย และ ดร.ณรงค์ ระฆังทอง ทนายความชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ และเป็นทนายความส่วนตัวของนางสุนีย์ อินฉัตร ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง
กรณีที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และคณะได้แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน คดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีผู้ต้องหา 5 คน โดยมี นางสุนีย์ และ น.ส.มาลินี อดีต สว.และอดีต ส.ส.ศรีสะเกษ เป็น 2 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ซึ่งขณะนี้ น.ส.มาลินี เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติ โดยมี นายอธิป อินฉัตร ลูกชายของ น.ส.มาลินี เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ในเขตเลือกตั้งที่ 6 จ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อชาติ
นางสุนีย์ กล่าวว่า ตนทราบข่าวว่าจะมีการเข้าจับกุมตน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.62 ตอนช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. กำลังจะเข้าสู่ช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.พ.62 ซึ่งเป็นวันที่เปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต เป็นวันแรก ตนและลูกสาว คือ น.ส.มาลินี อินฉัตร อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ จะนำหลานชายของตนคือ นายอธิป อินฉัตร ไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 6 จ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อชาติ
นางสุนีย์ กล่าวอีกว่า พอตนรู้ข่าวก็ได้ไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ แล้วได้รับการประกันตัวในวงเงินคนละ 100,000 บาท ส่วนเรื่องทั้งหมด ตนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะว่าเป็นการกล่าวหาไม่เป็นความจริง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนนั้นมี 2 ส่วนคือ เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน ซึ่งตนทำอาชีพนี้มาหลายสิบปีแล้ว เวลาซื้อขายที่ดินก็ซื้อขายกันบนสำนักงานที่ดินประจำจังหวัด และได้มีการเสียภาษีให้รัฐบาลทุกต้องทุกแปลง ส่วนเรื่องเช็คนั้น เป็นเช็คที่ตนรับใช้ซื้อของโจรไว้ เพราะว่าเช็คโดนขโมยไป แล้วแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ เมื่อประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา เขาก็ยังโยงเรื่องมา ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องเกิดมานานแล้ว แต่พึ่งจะมาทำให้เป็นเรื่อง ทำให้ตนเสียชื่อเสียงมาก ตนจะไปร้องขอความเป็นธรรมจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประธาน ปปช.และศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย ภายในสัปดาห์หน้านี้
นางสุนีย์ กล่าวต่อไปว่า สรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นการมุ่งหวังทำลายตนทางการเมือง เหตุผลคือ ตนได้ส่งลูกสาวคือ น.ส.มาลินี อินฉัตร ลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ และหลานชายคือ นายอธิป อินฉัตร ลงสมัคร ส.ส.เขต 6 จ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อชาติ ตนมั่นใจว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองโดยตรง ซึ่งตนพร้อมที่จะต่อสู้คดีเพื่อความเป็นธรรมในเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพราะตนมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตน อีกทั้งขณะนี้ตนอายุ 77 ปีแล้ว เป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ตนจะต้องทุ่มเทเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับชาว จ.ศรีสะเกษ ดังนั้น ตนจึงได้ให้การสนับสนุนในการก่อสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน วัดวาอารามและสถานที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ จำนวนมากเพื่อประโยชน์สุขโดยรวมแก่ประชาชน จ.ศรีสะเกษต่อไป
ด้านดร.ณรงค์ ระฆังทอง ทนายความชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ และเป็นทนายความส่วนตัวของนางสุนีย์ อินฉัตร กล่าวว่า คดีนี้มีข้อบกพร่องหลายอย่างคือ ลักษณะคดีที่มีการดำเนินการอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ทางเจ้าของคดีจริง ๆ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนยังไม่มีการดำเนินคดีหรือแจ้งข้อกล่าวหากับทางผู้ต้องหาทั้งหมด และคดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีเช็คเกิดขึ้นที่ตัว อ.ขุขันธ์ ลักษณะของคดีเป็นเพียงคดีแพ่ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีอาญาแต่อย่างใดทั้งสิ้น ส่วนการซื้อขายที่ดินที่มีการพยายามโยงมา และนำมามัดตัวผู้ต้องหาทั้งหมด เป็นการซื้อขายที่ดินกันโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยนางสุนีย์ อินฉัตร เป็นคนทำธุรกิจด้านนี้โดยเฉพาะ ซื้อขายที่ดินมา 4 – 50 ปีแล้ว และมีการซื้อขายไป ซึ่งคนทั้ง จ.ศรีสะเกษ ทราบเรื่องนี้ดี พฤติกรรมของนางสุนีย์ ไม่เคยมีการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ไม่มีการทำสัญญาขายฝากหรือจำนอง มีแต่ซื้อที่ดินขาดไป ซึ่งตนได้สอบถามเรื่องนี้กับทางพนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ที่จับกุมแล้ว ก็ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับสัญญาขายฝากหรือจำนองมาให้ตนได้ดูเอกสารเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งบกพร่องที่เจ้าหน้าที่พยายามเชื่อมโยงให้เป็นคดีเดียวกันทั้งหมด
ดร.ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งตนเห็นว่า นางสุนีย์ และ น.ส.มาลินี ไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นอย่างมากก็คือ มีการออกหมายจับ ซึ่งชุดจับกุมหรือพนักงานสอบสวน สามารถที่จะออกหมายเรียก เนื่องจากว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี โดยฐานะอดีต ส.ส.และอดีต สว.ฐานะความเป็นอยู่มีทรัพย์สินระดับหลายพันล้านบาท ตนขอย้ำว่าหลายพันล้านบาท แต่กลับกระทำกับบุคคลเหล่านี้เยี่ยงกับเป็นพวกอาชญากร ถามชาว จ.ศรีสะเกษเลยว่า บุคคลเหล่านี้ทำคุณงามความดีกับชาว จ.ศรีสะเกษ มากมายขนาดไหน และไม่เคยมีประวัติว่าเคยไปรังแกใครแต่อย่างใดทั้งสิ้น ออกหมายเรียกหรือหนังสือเชิญมา ก็ยินดีให้ความร่วมมือ ไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีอยู่แล้ว แต่การที่พนักงานสอบสวนไปยื่นเรื่องต่อศาลอาญา เพื่อให้ออกหมายจับ ตนไม่ทราบว่าเขาใช้เหตุผลอะไร อาจจะเป็นการยื่นเท็จหรือให้การอันเป็นเท็จต่อศาลอาญาก็ได้ ตนถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลเกี่ยวกับการให้ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้
ดร.ณรงค์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่สำคัญที่สุดในการยึดทรัพย์ ตนมารวบรวมค่าเสียหายทั้งหมด ทั้งคดีที่ดิน ทั้งเช็คที่มีการกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา รวมแล้วเต็มที่ไม่เกิน 100 ล้านบาท แต่พนักงานสอบสวนและชุดจับกุม ทำการยึดทรัพย์ไปร่วม 2–3 พันล้านบาท ซึ่งตนและนางสุนีย์ได้โต้แย้งแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่รับฟัง เพราะทรัพย์สินที่โดนยึดไปได้มาโดยชอบกว่า 4 – 50 ปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังทำการอายัดไว้ เพื่อให้เกิดความเสียหาย และมีการแถลงข่าวในวันนั้น มีการเอาภาพข่าวคนอื่นมารวมไว้ โดยมีการเอาข่าวยาเสพติดมารวมด้วย ทำให้คนเข้าใจผิดว่า นางสุนีย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทำให้นางสุนีย์กับพวกได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด ซึ่งนางสุนีย์และผู้เสียหายทั้งหมด จะได้มีการดำเนินคดีกับสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวที่ทำให้ได้รับความเสียหายนี้จนถึงที่สุดต่อไป
ที่มา:มติชนออนไลน์