ค่าเงินบาททรงตัว จับตาการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ 14-15 กุมภาพันธ์

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/2) ที่ระดับ 31.39/31.41 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (12/2) ที่ระดับ 31.38/31.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ภายหลังนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากสถานการณ์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐต้องถูกปิดทำการ (ชัตดาวน์) อีกครั้ง หากพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน

ล่าสุด นายริชาร์ด เซลชี วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน เปิดเผยว่า การเจรจาระหว่าง 2 พรรคนั้น สามารถบรรลุข้อตกลงในหลักการ หลังจากที่มีการประชุมร่วมกันในวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐ ทั้งนี้ แม้ว่านายเชลบี ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่าในรายละเอียดว่าสามารถตกลงกันได้ในประเด็นใดบ้าง แต่จะมีการเจรจากันต่อไปเพื่อลงรายละเอียดในเรื่องนี้ โดยหากยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ภายใน 15 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นวันที่งบประมาณชั่วคราวสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะหมดลง ประธานาธิบดีทรัมป์ อาจปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หรืออาจประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส

นอกจากนี้ สภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ยังมีทิศทางที่ผ่อนคลายลง ภายหลังนางเคลีแอน คอนเวย์ ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ยังต้องการพบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อยุติสงครามการค้า โดยผู้นำทั้งสองอาจพบกันในเดือนมีนาคมนี้ ทั้งนี้ นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะจัดการประชุมเจรจาการค้ารอบใหม่กับ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 14-15 กุมภาพันธนี้ ขณะที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายในการทำข้อตกลงในวันที่ 1 มีนาคมนี้สำหรับระหว่างวัน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ 31.33-31.44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 31.33/34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/2) ที่ระดับ 1.1277/79 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (11/2) ที่ระดับ 1.1307/09 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ภายหลังการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้สกุลเงินยูโรยังคงถูกกดดันจากการเจรจาถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษที่ยังคงดำเนินอยู่ ล่าสุดรัฐบาลอังกฤษได้ขอให้รัฐสภาให้เวลาแก่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีเวลาแก้ไขในข้อตกลง ซึ่งรัฐสภาจะลงคะแนนเสียงดังกล่าวไม่เกินวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ ขณะที่รัฐสภาเองไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาในข้อตกลงและต้องการให้นางเมย์เจรจาต่อรองเพื่อแก้ไขเนื้อหากับทางสหภาพยุโรป โดยมีกำหนดถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปตามกำหนดการณ์ในวันที่ 29 มีนาคมนี้ สำหรับระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1258-1.1290 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1271/73 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/2) ที่ระดับ 110.50/52 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (11/2) ที่ 110.25/27 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน รวมถึงความหวังว่าความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะเป็นไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น กดดันให้นักลงทุนลดการถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างสกุลเงินเยนและเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น สำหรับระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 110.35-110.65 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 110.56/58 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. (13/2) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (14/2) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ม.ค. (14/2) ยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. (14/2) สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน พ.ย. (14/2) ราคานำเข้าและส่งออกเดือน ม.ค. (15/2) ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือน ก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก (15/2) การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. (15/2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (15/2)


สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.90/-1.70 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.50/+0.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ