“คณะมนตรีไอเคโอ”ให้กำลังใจ”อาคม”ปลดธงแดงให้สำเร็จ-กพท.ไม่กังวลพร้อมให้ตรวจแล้ว

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับคณะผู้แทนคณะมนตรีขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) จากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ณ กระทรวงคมนาคม ว่า ได้รายงานความก้าวหน้าการปลดธงแดงในโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยสากล (ยูโซฟ) ให้คณะมนตรีฯ ได้ทราบ โดยหลังจากที่ประเทศไทยถูกติดธงแดงนั้น ได้ปฏิรูปองค์กรที่เกี่ยวข้องใหม่ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) และหน่วยค้นหา และหน่วยสอบสวน นอกจากนี้ได้ปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบินใหม่ ซึ่งขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.การบินพลเรือน ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เดือนสิงหาคมนี้

นายอาคมกล่าวว่า นอกจากนี้ยังเร่งดำเนินการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (เอโอซี) ให้กับ 28 สายการบินที่ทำการบินระหว่างประเทศ โดยได้ออกเอโอซีให้กับ 6 สายการบินแล้ว เหลืออีก 23 สายการบิน ซึ่งในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ จะออกเอโอซีให้กับ 2 สายการบินได้แก่ ไทยสมายล์ และไทยไลออนส์แอร์ อย่างไรก็ตามหลังจากสายการบินได้รับเอโอซีแล้ว จะมีระบบติดตามเฝ้าระวังตรวจสอบอย่างใกล้ชิดว่าในการปฏิบัติเป็นไปตามมาตรฐานที่กพท. และไอเคโอกำหนดหรือไม่ รวมทั้งยังได้แจ้งให้คณะมนตรีฯ ทราบถึงแผนพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน โดยเน้นการเป็นศูนย์กลางการบิน(ฮับ)ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะพัฒนา 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา โดยในปี 2573 สนามบินสุวรรณภูมิ จะรองรับผู้โดยสารได้ 120 ล้านคนต่อปี ส่วนปี 2568 สนามบินดอนเมือง จะรองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี และในอีก 2580 สนามบินอู่ตะเภา จะรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี ดังนั้นภายในปี 2573 จะสามารถรองรับอัตราการเจริญเติบโตของผู้โดยสารในการเดินทางระหว่างประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 220 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ทั้ง 3 สนามบิน จะใช้รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง

 

 

 

 

 

 

 

นายอาคมกล่าวว่า การหารือครั้งนี้คณะมนตรีฯ ได้ชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวกับการบิน ทั้ง กพท. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญ และมีการบริหารที่ดีชั้นแนวหน้าของโลก โดยเฉพาะ บวท. เมื่อเร็วๆ นี้ได้รับการแต่งตั้งจากไอเคโอให้เป็นประธานคณะทำงานด้านการจราจรทางอากาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติให้แก่ประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินอากาศมาก เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับการแต่งตั้งจากไอเคโอ อย่างไรก็ตามคณะมนตรีฯ ได้ให้กำลังใจ และหวังว่าประเทศไทยจะสามารถปลดธงแดงได้ เพื่อนำประสบการณ์ไปช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ ต่อไป และผลักดันสู่การเป็นฮับของภูมิภาคฯ โดยเร็ว

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวย กพท. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการที่ไอเคโอจะเข้ามาตรวจสอบตามโครงการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน (ยูแซฟ) ของไทย ในวันที่ 11-21 กรกฎาคมนี้ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองว่า พร้อมขึ้นชกมานานแล้ว โดย 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เตรียมพร้อมเกี่ยวกับคำถามทั้ง 463 ข้อที่ไอเคโอแจ้งมาก่อนหน้านี้ และติวเข้มรอบสุดท้ายให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงไม่มีอะไรน่ากังวล ทั้งนี้สำหรับการตรวจ 3 วันแรกนั้น จะตรวจที่ กพท. และบวท. จากนั้นอีก 4 วันตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ และ 3 วันตรวจที่สนามบินดอนเมือง โดยสาระหลักของการตรวจจะเน้นว่าปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยตามคู่มือที่เขียนไว้หรือไม่ หากตรวจแล้วไม่พบข้อบกพร่องที่มีนัยยะสำคัญด้านการรักษาความปลอดภัย (เอสเอสอีซี) ภายใน 60 วันหลังจากปิดการตรวจวันที่ 21 กรกฎาคม ทางไอเคโอก็จะส่งหนังสือแจ้งผลการตรวจอย่างเป็นทางการมาให้ กพท.

 

ที่มา : มติชนออนไลน์