กรมพินิจฯผนึกเอไอเอส นำร่อง”ญาติเยี่ยม-เยี่ยมญาติออนไลน์”เชื่อมสายใยครอบครัว

กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ร่วมกับ “เอไอเอส” โดย “เอไอเอส ไฟเบอร์”นำเครือข่ายไฟเบอร์-Smart Messaging พร้อม Skype for Business มาประยุกต์ใช้ใน “โครงการญาติเยี่ยมทางไกลผ่านระบบออนไลน์” นำร่อง 2 แห่ง ณ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน “เชียงใหม่-ราชบุรี”

นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโครงการญาติเยี่ยมทางไกลผ่านระบบออนไลน์ว่า ปัจจัยสำคัญของการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟูเด็กและเยาวชน คือให้ความสำคัญเกี่ยวกับสถาบันครอบครัว กรมพินิจฯ จึงมีโครงการญาติเยี่ยมทางไกลให้กับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้พบปะกับผู้ปกครองหรือญาติ

ซึ่งในอดีตการเยี่ยมญาติทางไกล ผู้ปกครองต้องเดินทางมายังศูนย์ฝึกฯ ซึ่งค่อนข้างห่างไกล เช่น ศูนย์ฝึกฯ เขต 7 เชียงใหม่ จะดูแลพื้นที่ 7-8 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นแม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ หรือน่าน เป็นต้น หรือศูนย์ฝึกฯ เขต 2 ราชบุรี ที่มีพื้นที่หลายจังหวัดในความดูแลทำให้การมาเยี่ยมเด็กและเยาวชน ผู้ปกครองต้องใช้ต้นทุนในการมาเยี่ยม ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร  และปัจจุบันใช้ระบบ VDO Conference ทำให้การเยี่ยมญาติมีความสะดวกมากขึ้น เช่น ถ้าผู้ปกครองอยู่แม่ฮ่องสอน อยากมาเยี่ยมที่เชียงใหม่ ไม่ต้องเดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่เดินทางมายังสถานพินิจฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมเชื่อมต่อด้วย Skype ไปยังศูนย์ฝึกฯ ที่เชียงใหม่ แล้วพบปะกันในระบบ  Conference หรือจอภาพ แต่ยังไม่ได้รับความสะดวกสำหรับผู้ปกครองที่ยังต้องเดินทางมาใช้ระบบ VDO Conference ของสถานพินิจฯ ที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองของแต่ละจังหวัด

ล่าสุด กรมพินิจฯร่วมมือกับ AIS ในการจัดทำ “โครงการญาติเยี่ยมทางไกลผ่านระบบออนไลน์” ขึ้น ให้ผู้ปกครองเยี่ยมเด็กและเยาวชนแบบระบบไร้สาย และใช้โทรศัพท์มือถือของผู้ปกครองเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเอง โดยเชื่อมต่อกับศูนย์ฝึกฯ โดยตรง ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของประเทศไทย หรือของโลก หรือผู้ปกครองติดภารกิจเรื่องการทำงานในพื้นที่ห่างไกลก็ติดต่อกับบุตรหลานได้

“มีตัวอย่างหนึ่ง มารดาเด็กทำงานอยู่ที่เกาหลี พอนำระบบนี้มาใช้ ทำให้มารดาของเด็กติดต่อกับเด็กได้ทำให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับครอบครัวมากขึ้น มีโอกาสสร้างความรักความผูกพันระหว่างครอบครัว ฉะนั้นต่อไปนี้ไม่ว่าบิดามารดาไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ไหนทั้งในและต่างประเทศก็มีโอกาสเยี่ยมเยียนเด็กและเยาวชนได้ ไม่ทำให้เด็กและเยาวชนพร่องไปจากสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู เด็กและเยาวชน ก่อนจะให้เขากลับคืนสู่สังคม”

และการได้รับการสนับสนุนจาก AIS ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือที่ทางกรมพินิจฯ ไม่ต้องใช้งบประมาณในการจัดทำโครงการ และทำให้กรมพินิจฯ อำนวยความสะดวกให้กับการบริการประชาชน และลดต้นทุนในการมาเยี่ยมบุตร ซึ่งเป็นการพัฒนาการให้บริการขององค์กรต่อประชาชนในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล สอดคล้องนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศไปสู่เป้าหมายไทยแลนด์ 4.0

เนื่องจากการนำระบบนี้มาใช้ยังเป็นการทดลองจึงดำเนินการเพียง  2 หน่วยงานในสังกัดกรมพินิจฯ คือ ศูนย์ฝึกฯ เขต 2 ราชบุรี และศูนย์ฝึกฯ เขต 7 เชียงใหม่ และจากการทำลองพบว่าผลตอบรับของผู้ปกครองอยู่ในระดับพึงพอใจมาก เพราะทำให้สามารถเยี่ยมเด็กและเยาวชนได้บ่อยครั้งขึ้น และลดต้นทุนต่างๆ ในการเดินทางมาเยี่ยม ในอนาคตถ้ามีโอกาสได้ทำความร่วมมือกับ AIS จะขยายพื้นที่ในการนำระบบนี้ไปใช้

ด้านนางอมรรัตน์ ชาญปรีชญา หัวหน้าส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้บริการ Digital Life Service Provider เอไอเอสมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของไทย ทั้งเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูง หรือ AIS Fibre และบริการดิจิทัล เพื่อสนับสนุนคนไทยให้ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการพัฒนาและออกแบบโซลูชันเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานเฉพาะของแต่ละหน่วยงาน ดังเช่นความร่วมมือระหว่างกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกับเอไอเอส โดย AIS Fibre

“เรายินดีสนับสนุนเต็มที่ โดยนำเทคโนโลยี 2 ส่วน ประกอบด้วย โครงข่าย AIS Fibre และ Digital Solution เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาโครงการญาติเยี่ยมทางไกลผ่านระบบออนไลน์ ให้ใช้งานได้สะดวก ง่ายๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือของญาติที่จะสามารถโทรเข้ามาเยี่ยมได้จากทุกที่ ทั้งในและต่างประเทศ ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับญาติเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับแนวคิดการให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวของเอไอเอส เพราะเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ของครอบครัว เป็นสื่อกลางในการส่งมอบความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใย และกำลังใจช่วยให้เยาวชนที่อยู่ในสถานพินิจมีพลังในการฟันฝ่าอุปสรรคและพัฒนาตัวเอง พร้อมกลับมาเป็นกำลังสำคัญของชาติอีกครั้ง”

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสได้คัดสรรเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อตอบความต้องการของกรมพินิจฯ ประกอบด้วย อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูง ด้วยเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติกแท้ 100% ที่จะทำให้สัญญาณภาพในระหว่างการโทรเยี่ยมเป็นไปอย่างคมชัด เสถียร ไม่กระตุก, ระบบ Smart Messaging ที่เชื่อมต่อกับ  Solutions Skype for Business ที่จะส่งแจ้งเตือนไปยังญาติๆ ให้กด Link จาก SMS ที่ได้รับแล้วโทรเข้ามาเยี่ยมบุตรหลานผ่านทางมือถือในลักษณะ VDO Call ได้ทันที รองรับการโทรเยี่ยมได้สูงสุดถึงครั้งละ 5 สาย พร้อมกันจากหลากหลายสถานที่ ช่วยให้ผู้ปกครองที่ไปทำงานต่างจังหวัดหรือแม้แต่ต่างประเทศใช้บริการได้อย่างสะดวก รวมไปถึงชุดคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย

จากการเริ่มเปิดใช้งานใน 2 แห่งแรกที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน จังหวัดเชียงใหม่ และราชบุรี ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 พบว่า ต่างได้รับประสบการณ์ที่ดี และความประทับใจจากบริการนี้อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล, ผู้ที่ต้องทำงานอยู่ต่างประเทศ  ที่สามารถส่งมอบกำลังใจแก่บุตรหลานได้อย่างสะดวกสบายกว่าที่ผ่านมา
สำหรับขั้นตอนการเยี่ยมเยาวชนผ่าน “โครงการญาติเยี่ยมทางไกลผ่านระบบออนไลน์” ประกอบด้วย
1.ก่อนจะใช้งานได้ ผู้ปกครองจะต้องลงทะเบียนรับการตรวจสอบ เพื่อยืนยันการเป็นผู้ปกครองโดยกรมพินิจฯ และดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Skype for Business ผ่าน Apple iTunes หรือ PLAY STORE
2.ทุกครั้งที่ต้องการเยี่ยมญาติ ผู้ปกครองจะต้องทำการนัดหมาย กำหนดวัน-เวลา ในการเยี่ยมเยาวชนกับ กรมพินิจฯ
3.รอรับ LINK จาก SMS จากนั้นกดโทรผ่าน LINK ก็จะเข้าสู่ระบบ “ญาติเยี่ยมทางไกลออนไลน์” ในลักษณะ VDO Call ได้ทันที