
วันนี้ (วันที่ 1 ตุลาคม 2562) สำนักพิมพ์มติชนจัดงานเสวนาเปิดตัวหนังสือ “เมื่อความจนเฆี่ยนตีผม” ณ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สาขาพระราม 3 โดยมีผู้ร่วมวงเสวนา ได้แก่ สุพจน์ ธีระวัฒนชัย ผู้ก่อตั้งโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง, วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา ผู้เขียน และเรียบเรียงหนังสือเมื่อความจนเฆี่ยนตีผม พร้อมด้วยแขกรับเชิญพิเศษ วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ดำเนินรายการโดย สรกล อดุลยานนท์ “หนุ่มเมืองจันท์”
บรรยากาศภายในงานวันนี้สุพจน์เปิดโรงเบียร์สาขาแรก คือ สาขาพระราม 3 ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน หลายสิบชีวิตด้วยกัน โดยเป็นการพูดคุยแบบสบาย ๆ ด้วยบรรยากาศแบบกันเอง ซึ่งสุพจน์ไม่พลาดที่จะจัดอาหารเลี้ยงต้อนรับแขกภายในงานด้วยเมนูอาหารซิกเนเจอร์ของทางโรงเบียร์อย่าง “ขาหมูตะวันแดง” รวมถึงเมนูอื่น ๆ ที่อร่อยครบรส การันตีคณภาพของโรงเบียร์สัญชาติไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 ได้เป็นอย่างดี
สุพจน์เล่าถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็นโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ตั้งแต่ชีวิตวัยเด็ก เข้าเรียนมหาวิทยาลัย รู้จักกับชมรมศิลปะการแสดง ที่มีส่วนสำคัญในการนำใช้กับการกำกับเวทีการแสดงในโรงเบียร์ ตลอดจนการปลดหนี้เกือบ 30 ล้านบาท จนในที่สุดเขาสามารถพลิกวิกฤตทั้งหมดในชีวิต ลุกขึ้นสู้ และเปลี่ยนให้เป็นโอกาสในการทำธุรกิจสไตล์ “สุพจน์ ยิบ” ดังที่หนุ่มเมืองจันท์ได้ให้ฉายาไว้
ตอนหนึ่งของการเสวนาบนเวทีสุพจน์ได้เผยถึงเคล็ดลับการปรุงอาหารที่ทั้งอร่อย และมีรสชาติเสถียรได้ทั่วถึงทั้ง 3 สาขา โดยสุพจน์เปิดเผยว่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ขั้นตอนปรุงอาหาร แต่คือการเตรียมวัตถุดิบ โดยโรงเบียร์จะมี “ครัวเตรียม” ไว้สำหรับการเตรียมวัตถุดิบโดยเฉพาะ การเตรียมที่ดีจะช่วยให้ปรุงได้เร็ว และรสชาติไม่ด้อยคุณภาพด้วย
“การปรุงอาหารไม่สำคัญเท่าการเตรียม เตรียมเร็วก็จะปรุงได้เร็ว เตรียมยังไงให้ไม่ด้อย ต้องรู้ว่าวัตถุดิบแบบนี้เตรียมอุณหภูมิเท่าไหร่ถึงจะพอเหมาะ ซึ่งตอนนี้เรามีครัวเตรียมโดยเฉพาะแล้ว ทำมาได้ 2-3 ปี อย่างน้ำเกาเหลาจะไม่มีแล้วที่สาขานี้หวาน สาขานั้นเปรี้ยว สาขานี้เค็ม ก็ค่อย ๆ พัฒนากันไป หรือกระทั่งของทอดบางอย่าง ของทอดเนี่ยจัดการง่ายสุด มันไม่เสีย และส่วนใหญ่เป็นการหมักปรุงรสก่อนทอด เตรียมง่ายสุด ของทอดหลายเมนูเตรียมจากครัวเตรียม เราจะไม่ยอมให้รสชาติด้อยลง อาจจะต้องมีการเพิ่มทั้งกำลังคน และระบบ ใช้จำนวนคนยกอาหารเพิ่มขึ้น” สุพจน์กล่าว
เขายังทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากนี้หากใครอยากเข้ามาปรึกษาพูดคุยเกี่ยวกับการทำธุรกิจก็สามารถเข้ามาพูดคุยได้โดยตรงเลย อย่างน้อยที่สุดสุพจน์อยากทำสิ่งดี ๆ ไว้ให้สังคมไทยได้บ้างไม่มากก็น้อย ด้วยข้อคิดดี ๆ จากเส้นทางชีวิตของเขาเอง