เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนชาวไทยเชื้อสายจีนที่เยาวราช และจะทรงเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ใต้ร่มพระบารมี สดุดีมหาจักรีวงศ์” ณ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครฯ
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน และประธานกรรมการจัดงาน กล่าวถึงที่มาที่ไปของงานในครั้งนี้ว่า เนื่องจากชาวไทยเชื้อสายจีนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ในการเสด็จพระราชดำเนินมาที่เยาวราชเพื่อทรงเปิดงานนิทรรศการและทรงเยี่ยมราษฎรชาวไทยเชื้อสายจีน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
กิจกรรมภายในงานจะประกอบไปด้วย
1. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจบูรพกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ให้ชาวจีนได้พึ่งใต้ร่มพระบารมีบนแผ่นดินสยาม โดยเล่าเรื่องราว ผ่านการฉายภาพเสมือนจริงบนจอแอลอีดีรูปแบบอุโมงค์ ความยาวเรื่องประมาณ 5 นาที กำกับโดยปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยชื่อดัง
2. นิทรรศการพระราชกรณียกิจ ในรัชกาลที่ 10 นานัปการซึ่งผูกมิตรสัมพันธ์กับชาวจีนมาโดยตลอด
3. ขบวนพาเหรด การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย-จีน รวมขบวนการแสดง 10 ขบวน อาทิ ขบวนการแสดง “เอ็งกอ” จากสาธารณรัฐประชาชนจีน การแสดงคณะมังกร คณะสิงโต จากสมาคมวูซูแห่งประเทศไทย ครองแชมป์เป็นอันดับสองของโลก แสดงโดยคณะนักเรียนโรงเรียนบางมดวิทยา และขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ จากองค์กรชาวไทย- จีน
4. “เยาวราชสตรีทฟู้ดส์” ร้านอาหารอร่อยขึ้นชื่อบนถนนเยาวราชมาให้บริการประชาชนที่เดินทางเข้าเที่ยวชมงานนิทรรศการฯ
นายปรัชญา ปิ่นแก้ว นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ในฐานะผู้กำกับนิทรรศการฯ กล่าวแสดงความรู้สึกและให้ข้อมูลนิทรรศการนี้ว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มีโอกาสในการเล่าเรื่องราวของพระองค์ท่านผ่านมุมมองของจอแอลอีดีโค้ง โดยจออุโมงค์ดังกล่าวจะมีความกว้าง 9 เมตร ยาว 20 เมตร และมีความสูง 4 เมตร โดยจะเป็นการเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงผ่านความเชื่อมโยงของพระมหากษัตริย์ไทยทุกรัชกาลในราชวงศ์จักรีกับชาวไทยเชื้อสายจีนในแง่ของความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่น และจะได้เห็นเรื่องราวความเป็นมาก่อนที่จะมาเป็นสำเพ็งและเยาวราชอย่างในทุกวันนี้”
ในด้านการเตรียมความพร้อมสถานที่ นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกรุงเทพมหานครฯระบุว่า ทางกรุงเทพมหานครฯให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการจัดงานด้านต่าง ๆ เช่น ในการปรับปรุงถนนตามเส้นทาง และร่วมกันกับชุมชนทางเยาวราชในการทำความสะอาดพื้นที่ รวมถึงการปรับปรุงภูมิทัศน์ การตกแต่งบริเวณรอบเมืองด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเสาไฟ แสงไฟ โคมไฟ ความสว่างในพื้นที่ให้เพียงพอในการจัดงาน รวมทั้งการประดับธงชาติ ธงพระปรมาภิไธยย่อ วปร ธงพระบรมนามาภิไธยย่อ สท และธงตราสัญลักษณ์ของงานพระราชพิธีมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตลอดเส้นทาง ซึ่งจะเตรียมการแล้วเสร็จภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2562
ส่วนการอำนวยความสะดวกสำหรับประชาชนที่เฝ้า ฯ รับเสด็จ ในวันงานจะมีการจัดรถสุขาเคลื่อนที่ทั้งหมด 17 คัน รวมถึงทีมแพทย์และพยาบาลเดินเท้าที่จะช่วยดูแลประชาชนที่มาร่วมเฝ้ารับเสด็จตลอดสองข้างทาง มีการอำนวยความสะดวกและดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยจากเจ้าหน้าที่เทศกิจทั้งหมด 182 นาย
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเพิ่มเติมถึงงานถวายความปลอดภัยและงานอำนวยความสะดวกในด้านการจราจรว่า ได้มีการเตรียมความพร้อมและกำลังพลเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีจะเสด็จมาทั้งหมด 4 ที่หมาย ได้แก่
1. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
2. ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (วงเวียนโอเดียน)
3. มูลนิธิเทียนฟ้า
4. วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)
โดยทั้ง 4 ที่หมายจะครอบคลุมเส้นทางที่อาจส่งผลกระทบต่อการจราจรใน 5 เส้นทางหลัก ได้แก่
1. ถนนเยาวราช (วงเวียนโอเดียน – สี่แยกราชวงศ์)
2. ถนนราชวงศ์ (สี่แยกราชวงศ์ – สี่แยกเสือป่า)
3. ถนนเจริญกรุง (สี่แยกเสือป่า – ตัดถนนข้าวหลาม)
4. ถนนพระรามที่ 4 (แยกหมอมี – แยกหัวลำโพง)
5. ถนนมิตรภาพไทย-จีน
ทั้งนี้ ทางผู้จัดงานได้เชิญพสกนิกรชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่าง ๆ ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีในวันที่ 6 ธันวาคม 2562 โดยพร้อมเพรียงกัน
นอกจากในวันเสด็จทรงเปิดนิทรรศการ ที่ประชาชนทุกจะได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จและชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์แล้ว นิทรรศการจะยังคงจัดแสดงต่อไปในวันเสาร์ที่ 7 และวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 22.00 น.
ในกรณีที่ประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลข่าวสารในช่วงของการเดินทาง สามารถติดต่อไปทางโทรศัพท์ โทร. 1197 ตลอด 24 ชม. หรือไปที่เว็บไซต์ trafficpolice.go.th หรือทางแอปพลิเคชัน M-Help Me