ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในเอเชียนับจากต้นปี เช้านี้อยู่ที่ 30.80 บ./ดอลลาร์

ภาพประกอบข่าว ค่าเงินบาท เงินบาท ธนบัตร เศรษฐกิจ
ภาพ: Nicola Vigilanti/Getty Images

เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ 30.80 บ./ดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในเอเชียนับจากต้นปี “กรุงไทย” ชี้ช่วงนี้อยู่ในเทรนด์อ่อนค่าต่อเนื่องไร้แรงต้าน-อ่อนค่าสุดรอบ 4 เดือน เหตุเศรษฐกิจไทย-ภาคท่องเที่ยวอ่วมกว่าประเทศอื่น แถมต่างชาติขายเก็งกำไร

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้านี้ (28 ม.ค.) อ่อนค่าที่ระดับ 30.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน ที่ระดับ 30.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ระหว่าง 30.70-30.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

“เงินบาทช่วงนี้ซื้อขายอ่อนค่าอย่างเดียว จนล่าสุดกลายเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดในเอเชียตั้งแต่ต้นปี (รอบ 1 เดือน) และเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบประมาณ 4 เดือน เชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากภาพเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นจากการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็มีแรงขายเก็งกำไรของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบ จึงมีโอกาสอ่อนค่าได้อย่างไม่มีแนวต้าน ระยะสั้นแนะนำจับตาทิศทางตลาดทุนเป็นหลัก ถ้ายังมีแรงขายต่อก็อาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าลงได้อีก” ดร.จิติพลกล่าว

ทั้งนี้ ในคืนที่ผ่านมาตลาดทุนทั่วโลกไม่สดใส โดยดัชนีหุ้นทั้งฝั่งยุโรปและสหรัฐปรับตัวลงทั้งหมดราว 1-3% ดัชนีวัดความกลัวอย่าง VIX index วิ่งขึ้นถึง 18% ใกล้เคียงกับช่วงสงครามการค้า ขณะที่ราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลง 2.6% มาที่ระดับ 52.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความกังวลกับปัญหาไวรัสระบาดที่อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลก

โดยภาพตลาดที่ปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) ผลักให้นักลงทุนต้องย้ายเงินไปพักที่ตลาดตราสารหนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงมาที่ 1.6% ต่ำที่สุดของปี ด้านฝั่งยุโรปยีลด์ทั้งหมดก็ทำจุดต่ำสุดตั้งแต่เริ่มต้นปีทุกประเทศ นำโดยกรีซและอิตาลีที่ยีลด์ปรับตัวลงแรงที่สุด 13bps และ 20bps ตามลำดับ

ฝั่งตลาดเงิน เยนญี่ปุ่นและฟรังก์สวิสเป็นสองสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มสกุลเงินหลัก ขณะที่เงินหยวนจีนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วขึ้นไปแตะระดับ 6.9 หยวนต่อดอลลาร์ จากภาพความเสี่ยงของไวรัสส่งผลให้ในระยะสั้น ภาพตลาดการเงินฝั่งเอเชียน่าจะเป็นลบทั้งหมดจากความกลัวของนักลงทุน ขณะที่ราคาสินทรัพย์เสี่ยงก็ยังถือว่าไม่ได้น่าสนใจเมื่อเทียบกับโอกาสการขยายตัวของเศรษฐกิจที่จะชะลอลงจากปัญหาดังกล่าว