“FSMART” ลุยปล่อยสินเชื่อบุคคลผ่านตู้บุญเติมวงเงิน 500-800 ล้านบาท

FSMART ชิมลางปล่อยสินเชื่อรายย่อยส่วนบุคคลให้ตัวแทนตู้บุญเติม-พนักงานของตัวแทน-พนักงานบริษัทในเครือราว 89 ล้านบาท จากวงเงินสินเชื่อที่ตั้งเป้าปล่อยผ่านตู้บุญเติมในปีนี้ 500-800 ล้านบาท ฟากกำไรปี’62 ทรงตัวที่ 584 ล้านบาท ประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังของปีที่แล้วอีก 0.34 บาท

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2563 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.66 บาท โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วอัตราหุ้นละ 0.32 บาท และคงเหลือจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังในอัตราหุ้นละ 0.34 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) ปี 2562 ที่ 10.26% รวมเป็นเงินประมาณ 265.2 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 มี.ค.63 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 เม.ย.63 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2562 ในวันที่ 17 เม.ย.63 อีกครั้งหนึ่ง

ในส่วนของผลประกอบการงวดปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 3,419 ล้านบาท กำไรสุทธิ 584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากปี 2561 ที่มีกำไร 583 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการใช้บริการผ่านตู้บุญเติมจำนวน 40,496 ล้านบาท จากจำนวนตู้บุญเติม 130,481 ตู้ เพิ่มขึ้น 0.3% จากปีก่อน โดยบริการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารยังมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากการเป็นตัวแทนรับฝากเงินจาก 6 ธนาคาร ส่งผลให้มีจำนวนรายการโอนเฉลี่ย 1.16 ล้านรายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 25.3% จากปีก่อน ขณะที่บริการเติมเงินมือถือที่เป็นธุรกิจหลักที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 21 ล้านเลขหมาย ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 บริษัทมีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกันปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 142 ล้านบาท

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ ได้ปรับวิสัยทัศน์เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภค และแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ (Online Top-Up & Payment Business) 2.ธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร (Banking Agent & Lending business) และ 3.ธุรกิจส่งมอบสินค้าและบริการ (Distribution Platform Business) เพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจและการขยายธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ

โดยธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ (Online Top-Up & Payment Business) ยังเน้นกลยุทธ์บริหารจัดการจุดติดตั้งตู้บุญเติมที่มีคุณภาพและเพิ่มบริการใหม่ๆ ต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาตู้บุญเติมให้สามารถบริการในรูปแบบต่างๆ อาทิ ตู้จำหน่ายซิมการ์ด และตู้ให้บริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) โดยมีเป้าหมายเพิ่มจุดติดตั้งตู้บุญเติมอีก 1,000 – 2,000 จุด ขณะที่ธุรกิจให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร (Banking Agent & Lending business) บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดธุรกรรมจากบริการโอนเงินเติบโต 40 – 45% จากปีก่อน ผ่านการให้บุญเติมเป็นศูนย์รวมของตัวแทนธนาคาร หรือ Banking Agents โดยปัจจุบันตู้บุญเติมมีบริการรับฝากเงิน/โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารแล้ว 6 ธนาคาร มากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารไทยพาณิชย์

“เรามีแผนเพิ่มธนาคารอย่างน้อย 1 รายในปีนี้ และพัฒนาศักยภาพของตู้บุญเติมให้บริการทางการเงินครบวงจร ทั้งฝาก ถอน โอน จ่าย และเปิดบัญชีผ่านบริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ในตู้เดียว ส่วนบริการสินเชื่อ บริษัทฯ ได้เริ่มทยอยปล่อยสินเชื่อรายย่อยส่วนบุคคลให้เฉพาะกับกลุ่มตัวแทนตู้บุญเติม พนักงานของตัวแทน และพนักงานของบริษัทในเครือไปแล้วประมาณ 89 ล้านบาท จากวงเงินที่ตั้งไว้สำหรับการปล่อยสินเชื่อในปีนี้อยู่ที่ 500-800 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ อีกทางหนึ่ง” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

สำหรับธุรกิจส่งมอบสินค้าและบริการ (Distribution Platform Business) จะเป็นการบริการจัดการระบบตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติทั้งหมด ได้แก่ ตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติที่มีบริการเติมเงิน-รับชำระเงินของตู้บุญเติมให้เลือกใช้บริการ (Vending Machine & Top-Up Service) ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และตู้จำหน่ายกาแฟสด ซึ่งปีนี้มีแผนจะขยายตู้ดังกล่าวทั้งหมดอีก 3,000 – 4,000 ตู้ จากปัจจุบันที่มีกว่า 3,500 ตู้ รวมไปถึง ตู้/สถานีชาร์จและเปลี่ยนแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งบริษัทได้พัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเริ่มดำเนินการธุรกิจใหม่ที่ใช้ความเป็นผู้นำเครือข่ายมาเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ เช่น ธุรกิจกระจายสินค้าให้กับร้านค้าปลีกชุมชน (โชห่วย) ต่างๆ โดยในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 4-6%