แต่งตั้ง “แจ็ค หม่า” เป็นที่ปรึกษาพิเศษอังค์ถัดเป็นปีที่สอง

แจ็ค หม่า ประธานบริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้รับเชิญให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพิเศษด้านการพัฒนาธุรกิจโดยคนรุ่นใหม่และการบริหารจัดการธุรกิจขนาดเล็กของ องค์กรการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เป็นปีที่ 2

นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ยืนยันการแต่งตั้งนายหม่าให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวอีกหนึ่งสมัย ระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ณ นครนิวยอร์ก

นายหม่าได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ปี 2559 โดยเขาได้ให้การสนับสนุนกับกิจกรรมและโครงการต่างๆ ของทั้ง UNCTAD และสหประชาชาติมาตลอดรอบปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากบทบาทในการส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการและการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กแล้ว นายหม่ายังทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติอีกด้วย โดยเขาจะทำงานกับนายมุคิซา คิตูยี เลขาธิการของ UNCTAD ในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายหม่าเข้าร่วมงานสัมมนาประจำปี “E-Commerce Week” ของ UNCTAD ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยในโอกาสนี้ เขาได้เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเปิดโอกาสให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงระบบอีคอมเมิร์ซข้ามชาติได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันมากขึ้น เพื่อส่งเสริมบทบาทและการเติบโตของชาติเหล่านี้บนเวทีเศรษฐกิจโลก นายหม่ายังกล่าวอีกว่า นโยบายระดับรัฐบาลสามารถทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางเติบโตได้ดี จนเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติให้เดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับธุรกิจกลุ่มนี้

3 เดือนต่อมา นายหม่าได้เดินทางเยือนประเทศเคนยาและรวันดาในฐานะผู้แทนจาก UNCTAD เพื่อให้การสนับสนุนกับผู้ประกอบการธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชน โดยเขาได้ประกาศถึงการริเริ่มโครงการอบรมร่วมกับทาง UNCTAD เพื่อนำผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของแอฟริกาไปเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่สำนักงานใหญ่ของอาลีบาบาในเมืองหางโจว ในขณะเดียวกัน นายหม่าจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและรัฐบาลในแถบแอฟริกา เพื่อก่อตั้งโครงการที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ปัญญาประดิษฐ์ บิ๊กดาต้า และคลาวด์คอมพิวติ้ง


ความรับผิดชอบของนายหม่าต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาตินั้น ไม่ได้จำกัดอยู่ในด้านธุรกิจเพียงอย่างเดียว โดยเขาได้ให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสด้านการศึกษา ดังจะเห็นได้จากการบริจาคเงิน จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศออสเตรเลีย เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาด้อยโอกาส ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอุปสรรคด้านสิทธิสตรีในการประชุมระดับโลกว่าด้วยสตรีและการเป็นผู้ประกอบการ (Global Conference on Women and Entrepreneurship) ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในเดือนเดียวกัน มูลนิธิพาราไดซ์ (Paradise Foundation) องค์การไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งก่อตั้งโดยนายหม่า ยังได้ประกาศก่อตั้งโครงการสนับสนุนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในแอฟริกาในการปกป้องสัตว์ป่าจากผู้ลักลอบล่าสัตว์อีกด้วย