บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นเช้าวันที่ 13 ก.ค.63 ว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวก โดยคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) จะรีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,360 – 1,365 จุด ก่อนจะสลับอ่อนตัว ตอบรับความคืบหน้ายารักษาเชื้อไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ สื่อต่างชาติต่างรายงานผลการทดลองยา remdesivir ของ Gilead สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ได้ถึง 62% เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน ส่งผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐจะยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องก็ตาม โดยล่าสุดเพิ่มขึ้นอีก 6.1 หมื่นราย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะสลับอ่อนตัวลงจากข่าวประธานาธิบดีทรัมป์เผยว่าเขายังไม่ได้คิดเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าเฟส 2 กับจีน เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนได้ถูกทำลายลงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงแรงขายในกลุ่มหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 2/63 จะหดตัวลงแรง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ วันที่ 15 ก.ค. กลุ่มโอเปกพลัสจะประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ะจครบกำหนดสิ้นเดือน ก.ค.
ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกลงทุนรายตัว (Selective Buy) ในกลุ่มอาหาร ได้แก่ TU, CPF, GFPT และ TFG และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, DELTA, HANA และ SVI ได้รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลง
รวมถึงแนะนำซื้อในกลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 2/63 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ TOP, PTTGC, SPRC, BGRIM, CKP, TASCO, STA, STGT, SPALI, PRM, PTL และ AJ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ MINT, CENTEL, ERW, AOT และ AAV ได้อานิสงส์ความคืบหน้ายารักษาโควิด-19
- “ธุรกิจแลกเงิน” พ่ายพิษโควิด ซุปเปอร์ริชปิดสาขาลดต้นทุน
- เปิดประวัติ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ตัวเต็งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนที่ 24
- หวั่น Q3 ได้เห็นโรงงานปลดคนมโหฬาร SMEs ค่อนประเทศเข้าไม่ถึง “ซอฟต์โลน”
หุ้นแนะนำประจำวัน
ขณะที่หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TU (ราคาปิดล่าสุด 13.70 บาท แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท) ได้บรรยากาศเชิงบวกจากค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโร ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก (QoQ) หรือดีกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้าที่ 900-1000 ล้านบาท นอกจากนี้ ราคายังมีความเสี่ยงขาลง (downside) จำกัด เพราะมี P/E ต่ำเพียง 13 เท่า คิดเป็น -2SD
ถัดมา WICE (ราคาปิดล่าสุด 3.38 บาท แนะนำซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 3.90 บาท) โดยเป็นหนึ่งผู้ประกอบการที่ได้ประโยชน์จากโควิด-19 จากกระแสทำงานที่บ้าน (Work from Home) หนุนยอดส่งออกสินค้าโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด โดยเฉพาะการขนส่งผ่าน Air freight และดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นยังหนุนให้ธุรกิจขนส่งข้ามประเทศ (CBS) พลิกมีกำไรจากที่ขาดทุนสุทธิในปีที่ผ่านมาปัจจัยนี้จะช่วยหนุนให้งบไตรมาส 2/63 มีโอกาสเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
