ชมภาพ “ดาวหางนีโอไวส์” อวดหางยาวในคืนเข้าใกล้โลกที่สุด

วันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ที่เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้โพสต์ภาพดาวหางนีโอไวส์ ในคืนเข้าใกล้โลกที่สุด พร้อมข้อความดังนี้

#ดาวหางนีโอไวส์ อวดหางยาวในคืนเข้าใกล้โลกที่สุด

#TeamNARIT เก็บภาพ “ดาวหางนีโอไวส์” คืนใกล้โลกที่สุด มาฝากคนไทยครับ ปรากฏสว่างบนท้องฟ้าพร้อมหางฝุ่นยาวกว่าสิบองศา

สำหรับภาพ “ดาวหางนีโอไวส์” ที่บันทึกได้ในครั้งนี้ บันทึกเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. บริเวณอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏชัดทั้งหางฝุ่นและหางแก๊ส ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เป็นวันที่ดาวหางนีโอไวส์โคจรเข้าใกล้โลกที่สุด นับเป็นโอกาสดีที่คืนดังกล่าวท้องฟ้าบริเวณนี้ใสเคลียร์ เหมาะแก่การบันทึกภาพดาวหางไว้เป็นความทรงจำอย่างยิ่ง หลังจากวันนี้ ดาวหางดวงนี้จะมีความสว่างลดลง เนื่องจากโคจรออกห่างดวงอาทิตย์และโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับมีแสงจันทร์รบกวน จึงสังเกตเห็นได้ค่อนข้างยาก

ด้านอุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีประชาชนให้ความสนใจติดตามรอชม “ดาวหางนีโอไวส์” ในคืนนี้กันเป็นจำนวนมาก ประกอบกับสภาพท้องฟ้าค่อนข้างโปร่ง ทัศนวิสัยท้องฟ้าดีกว่าหลายวันที่ผ่านมา สดร. จึงตั้งกล้องโทรทรรศน์เพื่อให้ประชาชนมาชมดาวหางร่วมกัน เริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เวลา 19.30 น. แม้ว่าจะมีเมฆบดบังเป็นบางครั้ง ประชาชนก็ยังพากันนั่งรอชม จนกระทั่งเวลา 20.30 น. มีเมฆปกคลุมทั่วท้องฟ้า และฝนตก จึงไม่สามารถสังเกตการณ์ดาวหางนีโอไวส์ต่อไปได้

ดาวหางนีโอไวส์ หรือ C/2020 F3 (NEOWISE) เป็นดาวหางคาบยาว โคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 6,767 ปี ค้นพบเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 โดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศไวส์ (Wide-field Infrared Survey Explorer : WISE) เป็นกล้องโทรทรรศน์ในช่วงคลื่นอินฟราเรด ในโครงการสำรวจประชากรดาวเคราะห์น้อยและวัตถุใกล้โลก โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ระยะห่าง 43 ล้านกิโลเมตร และเข้าใกล้โลกที่สุดวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ที่ระยะห่าง 103 ล้านกิโลเมตร

>> ความรู้เกี่ยวกับดาวหาง
ดาวหางเป็นเสมือนก้อนของน้ำแข็ง หินและฝุ่น หลายคนเรียกมันว่า “ก้อนน้ำแข็งสกปรก” ที่โคจรไปในระบบสุริยะ ดาวหางส่วนใหญ่มีขนาดค่อนข้างเล็ก (ความกว้างของตัวดาวหางเพียงไม่กี่กิโลเมตร) เราทราบว่ามีดาวหางอย่างน้อย 5,000 ดวงที่อยู่ในระบบสุริยะ นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่ายังมีดาวหางอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน บริเวณระบบสุริยะชั้นนอก ในแถบไคเปอร์ และเมฆออร์ต

ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในการโคจรของดาวหางนั้น จะไม่สามารถสังเกตเห็นดาวหางด้วยตาเปล่า แต่พอดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น น้ำแข็งบนตัวดาวหางจะเริ่มอุ่นขึ้นและเกิดการระเหิด (การเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊ส) ไอน้ำและฝุ่นที่ถูกปล่อยออกมาจากการระเหิด ก่อให้เกิดหางเหยียดยาวจากใจกลางของดาวหาง ที่เรียกว่า “นิวเคลียส” ออกไปทางด้านหลัง

ดาวหางมีหางอยู่ 2 แบบ ได้แก่
แบบที่ 1 : “หางฝุ่น” (Dust Tail) เป็นทางของก้อนกรวดเล็กๆและฝุ่นที่ดาวหางทิ้งไว้ตามแนวการเคลื่อนที่ของดาวหาง
แบบที่ 2 : “หางไอออน” (Ion tail) เป็นสายธารของแก๊สเรืองแสงที่ถูก “เป่า” โดยลมสุริยะ มีทิศทางชี้ออกจากดวงอาทิตย์ตลอด หางไอออนเป็นหางที่สว่างกว่าหางฝุ่นและเป็นหางเพียงแบบเดียวที่เรามีแนวโน้มจะเห็นได้โดยไม่ต้องอาศัยกล้องโทรทรรศน์

แม้ดาวหางนีโอไวส์ จะกลับมาเยือนโลกอีกครั้งในอีก 6,767 ปี แต่ก็ยังคงมีดาวหางอีกหลายดวงที่จะแวะเวียนเข้ามาใกล้โลกอีกเรื่อยๆ จะสว่างเห็นด้วยตาเปล่าเช่นเดียวกับดาวหางดวงนี้หรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไปนะครับ

#NEOWISE #NEOWISEComet #NEOWISEComet2020

โพสต์โดย NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2020

 

ข้อมูลและภาพ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ