ราคาทอง สูงสุดในประวัติศาสตร์ ใกล้ 2,000 ดอลลาร์

REUTERS/Jason Lee
สถานีลงทุน ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

เดือนกรกฎาคมราคาทองคำ spot ปรับขึ้นร้อนแรงทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ ทะลุ 1,920 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของทองคำในเดือนกันยายนปี 2554 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลายประเด็น ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังควบคุมไม่ได้ในหลายประเทศ มาตรการผ่อนคลายทางการคลังและการเงินทั่วโลก ซึ่งล่าสุดมีการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูของสหภาพยุโรปวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนตึงเครียด โดยสหรัฐสั่งปิดสถานทูตจีนที่เมืองฮิวสตัน ขณะที่จีนตอบโต้สหรัฐ โดยจีนแจ้งสหรัฐให้ปิดสถานทูตสหรัฐในเมืองเฉิงตู และการเข้าซื้อทองคำของกองทุนอีทีเอฟทองคำ

ประเด็นที่จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำในเดือนสิงหาคม ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐรวมทั้งความเสี่ยงจากความร้อนแรงของการปรับขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งประเด็นที่อยากเขียนถึงในฉบับนี้คือราคาทองคำในรอบนี้จะปรับลงแรงเหมือนในปี 2554 หรือไม่

ย้อนหลังกลับไปในปี 2554 เกิดภาวะตื่นทองที่มีการเข้ามาซื้อเก็งกำไรในทองคำ หลังจากที่เอสแอนด์พีลดอันดับเครดิตสหรัฐครั้งแรกในประวัติศาสตร์จาก AAA เป็น AA+ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 โดยให้เหตุผลในการลดอันดับความน่าเชื่อถือในรัฐบาลสหรัฐว่า แผนการปรับลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐนั้น ยังไม่พอเพียงที่จะทำให้ภาวะหนี้สินของสหรัฐอยู่ในระดับที่มั่นคงได้ ทำให้นักลงทุนมองว่าเงินดอลลาร์อาจจะเสื่อมค่าลงได้ ทำให้มีแรงเข้าซื้อเก็งกำไรในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างมากมาย

ผลักดันให้ราคาทอง spot เพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 1,920 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ซึ่งวัดความร้อนแรงในช่วงเวลานั้น ราคาทองคำปรับขึ้นร้อนแรงถึง 140 ดอลลาร์ ตอบรับข่าวเอสแอนด์พีลดอันดับเครดิตสหรัฐ โดยใช้เวลาเพียง 3-4 วัน และราคาทองคำเพิ่มขึ้นถึงราว 400 ดอลลาร์ ภายในเวลา 2 เดือน จากราว 1,500 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม ขึ้นไปแตะ 1,920 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนกันยายน แต่ในที่สุดราคาทองคำก็ปรับลงแรงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคาทองคำอยู่ที่ 1,560 ดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2554

เมื่อดูราคาทองคำในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 500 ดอลลาร์ เริ่มเป็นห่วงว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่ หลังจากที่ราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นอย่างร้อนแรง โดยปรับขึ้นราว 180 ดอลลาร์ ภายในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ ทำจุดสูงสุดที่ 1,980 ดอลลาร์ ทำให้เริ่มมีความร้อนแรงใกล้เคียงกับปี 2554 แล้ว

ที่แนวต้านสำคัญ 2,000 ดอลลาร์ คงต้องเริ่มระวังแรงเทขายทำกำไร และคาดจะมีความผันผวนสูง แต่ในระยะยาวแล้วทิศทางราคาทองคำยังมองว่าเป็นขาขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนในระยะยาว ได้แก่ มาตรการผ่อนคลายทางการคลังและการเงินทั่วโลก ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนที่ตึงเครียดและอาจนำไปสู่การทำสงครามการค้า ความเสี่ยงของฐานะการคลังของสหรัฐ