สวนผึ้งสร้างไวรัลบูมเที่ยวคุณภาพ หลังโควิดนักท่องเที่ยวเพิ่ม 20%

ช่วงนี้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวโหมโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมทั่วไทยหวังกระตุ้นรายได้ให้ฟื้นคืนกลับมาหลังโควิด-19 แต่มีหลายปัจจัยที่ดึงนักท่องเที่ยวได้ไม่เต็มกำลัง โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวที่ห่างไกลต้องใช้ระยะเดินทางและมีค่าใช้จ่ายสูง ฉะนั้น แหล่งท่องเที่ยวซึ่งอยู่ใกล้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ “สวนผึ้ง” จังหวัดราชบุรี นับเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่จากกรุงเทพฯ จนเรียกได้ว่ารับอานิสงส์หลังเกิดโควิดไม่น้อย

“ดร.ปิรันธ์ ชิณโชติ” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสวนผึ้ง และรักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดราชบุรี เล่าให้ “ประชาชาติธุรกิจ” ฟังว่า สวนผึ้งสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิดได้เป็นอย่างมาก

อัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ที่โรงแรมและรีสอร์ตมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านในช่วงเวลาเดียวกัน อาจเป็นเพราะในช่วงล็อกดาวน์ผู้คนไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“ผมได้อ่านงานวิจัยของ ททท.หลายส่วนในช่วงที่เกิดโควิด-19 ระบุว่า นักท่องเที่ยวจะเดินทางท่องเที่ยวใกล้บ้านมากขึ้น โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นพาหนะ พื้นที่ใกล้กรุงเทพฯน่าจะเป็นพื้นที่ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตด้านการท่องเที่ยวหลังโควิดมากกว่าพื้นที่อื่น จังหวัดราชบุรีจึงกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางมากกว่าทะเลหรือสถานที่ไกลบ้าน สามารถขับรถไปเองได้ ใช้เวลาระยะสั้นไม่ต้องวางแผนล่วงหน้า รู้สึกปลอดภัยจากเชื้อโควิดมากกว่าการขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ และกลุ่มนักท่องเที่ยวของสวนผึ้งเป็นคนไทยถึง 90-95% จึงไม่ได้รับผลกระทบ แม้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ”

โดยทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสวนผึ้งนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้ในช่วงเกิดสถานการณ์โควิด มาแชร์ให้คนในพื้นที่ชุมชนรับทราบร่วมกันถึงมาตรการด้านความปลอดภัยและสาธารณสุข เพื่อรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในพื้นที่ พร้อมออกมาตรฐาน “Clean Bee” ของสวนผึ้งเอง

ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) ของรัฐบาล เช่น ห้องพักต้องเว้นการฆ่าเชื้อให้ครบ 24 ชั่วโมงก่อน จึงจะรับผู้เข้าพักรอบใหม่ เพื่อให้ผู้ประกอบการทำรูปแบบท่องเที่ยวที่เหมาะสมพร้อมรองรับการท่องเที่ยว และให้ชุมชนมีความมั่นใจว่าพื้นที่ปลอดภัยจากไวรัสมากขึ้น เนื่องจากการทำมาตรฐาน SHA มีความล่าช้ากว่าจะได้มา เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่มากพอไปตรวจสอบในระดับพื้นที่

สำหรับไฮไลต์ของสวนผึ้ง คือ “ตลาดโอ๊ะป่อย” สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 5 แสนคน/ปี จากนักท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรีเฉลี่ยต่อปีประมาณ 2 ล้านคน เป็นตลาดที่ตั้งขึ้นมาได้เพียง 2 ปี เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ มีร้านค้าขายข้าวของรวม 37 ร้าน มีกิจกรรมตักบาตรยามเช้าทางเรือ เรียกได้ว่าตลาดแห่งนี้มีความสวยงามในเรื่องวัฒนธรรมและมีความหลากหลายทางอาหาร สร้างภาพบรรยากาศให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปด้วย รวมทั้งมีระบบการจัดการให้คนในชุมชนมีศักยภาพต่อการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ

“ตลาดโอ๊ะป่อยปกติมีนักท่องเที่ยว 1-2 พันคนต่อวัน หากเป็นวันหยุดมีมากถึง 2-3 พันคนต่อวัน ลูกค้าไม่ลดลง แถมยอดคนกลับมาเที่ยวซ้ำสูงสุดถึง 10 ครั้งต่อปี สร้างรายได้ประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี จากชุมชนธรรมดาตอนนี้พ่อค้าแม่ค้าแต่ละร้านขายของขายอาหารได้นับหมื่นบาทต่อวัน นอกจากนี้ยังมียอดเงินสะพัดในจังหวัดตลอดการเดินทางของนักท่องเที่ยวอีกมาก ยังไม่ได้เก็บตัวเลขที่แน่นอน มีเพียงรายงานภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของท่องเที่ยวและกีฬาที่ทำผลเอาไว้ว่าช่วงเดือนก่อนเกิดโควิดหรือก่อนปิดสวนผึ้ง ค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อหัว 2,859 บาท ผ่านบริษัทนำเที่ยวประมาณ 4,922 บาท”

“ดร.ปิรันธ์” บอกว่า สวนผึ้งไม่ได้มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมมากนักในช่วงหลังโควิด เพราะบางครั้งการอัดโปรโมชั่นอาจจะเป็นการลดแบรนดิ้งตัวเอง และลูกค้าคุณภาพอาจจะลดลง แต่จะพยายามสร้างรูปแบบและมูลค่าของแหล่งท่องเที่ยวให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ชูมาตรฐานทางสาธารณสุขให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนรู้สึกปลอดภัยมากกว่า นอกจากนี้ เทรนด์การท่องเที่ยวปัจจุบันอยู่ในรูปแบบของคาเฟ่ที่คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป มีพื้นที่ส่วนตัวให้จัดแคมปิ้งถึงค่าใช้จ่ายจะเยอะ นักท่องเที่ยวไม่เติบโตสูงมากนัก แต่เป็นนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ที่คงคุณภาพสามารถสร้างไวรัลออนไลน์ (viral online) ได้

ปัจจุบันสวนผึ้งตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้หลายกลุ่ม กลุ่มแรกคือนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อและเข้าพักรีสอร์ตราคาเฉลี่ย 1,000-2,000 บาท/คน ถัดมาเป็นกลุ่มซึ่งมีรายได้น้อย หรือมาเที่ยวแบบประหยัด จะพักแรมแบบกางเต็นท์ 100-200 บาท/คน บรรยากาศตามจุดแหล่งท่องเที่ยวจึงคึกคัก มีการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียจนเกิดนักท่องเที่ยวกลุ่มแมสเป็นจำนวนมากเหมือนมีงานมหกรรม เช่น น้ำตก ลำธาร ปางหวัน แก่งส้มแมว เจ้าหน้าที่จากอำเภอสวนผึ้งต้องเรียกผู้ประกอบการมาประชุมกำชับให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดและจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว