การยาสูบฯ คาด “คลัง” ไฟเขียวปลูก “กัญชง-กัญชา” เชิงพาณิชย์ พ.ค.64

การยาสูบฯ เตรียมจับมือม.รังสิต-พระจอมเกล้าลาดกระบัง ต่อยอดวิจัยและพัฒนา”กัญชง-กัญชา” คาดคลังไฟเขียวให้ใช้เชิงพาณิชย์ พ.ค.64 พร้อมนำที่ดิน ยสท. เปิดประมูลให้เอกชนเช่า

นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ ยสท.เตรียมลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับมหาวิทยาลังรังสิต และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการวิจัยและพัฒนาพืชกัญและกัญชาในเชิงพาณิชย์ หลังจากที่ผ่านมา ยสท.ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียง ใหม่ นำเมล็ดพันธ์กัญชาและกัญชงมาเพาะปลูกในแปลงทดลองของ ยสท. ที่สถานีแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อพัฒนางานวิจัยกัญชง และกัญชา

นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย
นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย

“เรื่องการผลิตกัญชาและกัญชง ยสท.มีความพร้อม 100%ในการผลิต โดยขณะนี้ ยสท.ได้ส่งหนังสือมาที่กระ ทรวงการคลัง เพื่อขออนุญาตให้ใช้กัญชาและกัญชง ให้สามารถทำในลักษณะเชิงพาณิชย์แล้วแต่กระทรวงการคลังยังไม่อนุญาต โดยยังให้ ยสท.ทำได้แค่วิจัยกัญชงและกัญชาเท่านั้น “

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน ยสท.เริ่มทำการทดลองปลูกกัญชงและกัญชาแล้วประมาณ 20-30 ไร่ในสถานีทดลองของ ยสท. ถ้าหากกระทรวงการคลังอนุญาตก็พร้อมนำต้นกัญชาและกัญชงเหล่านี้ลงแปลงจริงพร้อมปลูกทันที ซึ่งคาดว่า จะเห็นความชัดเจนในเรื่องนี้เดือนพ.ค.2564

สำหรับกัญชงและกัญชาที่พัฒนาขึ้นมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จะนำไปใช้ใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมเส้นใยและพลาสติกเส้นใย ซึ่งส่วนมากใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ 2.ผลิตเป็นน้ำมัน (ออยล์) เพื่อสุขภาพ รวมถึงนำไปต่อยอดผลิตเป็นเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว เป็นต้นและ3.ยารักษาโรค ซึ่งส่วนนี้ได้หารือกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และภาคเอกชนที่สนใจลงทุนทางด้านนี้เรียบร้อยแล้ว อาทิ บริษัท เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า จำกัด เป็นต้น หากจะทำสินค้าออกมาเพื่อทำในเชิงพาณิชย์

“แม้สถานการณ์โควิด-19 จะกระทบธุรกิจภาคอื่นหนัก แต่จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยเนลสัน ซึ่งเป็นบริษัทให้ข้อมูลและการประเมินผลชั้นนำของโลก พบว่า ในช่วงโควิด-19 มีคนสูบบุหรี่น้อยลงเพียง 4% เท่านั้น จากจำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่อยู่ประมาณ 9.7 ล้านคน ซึ่งหมายความว่า คนที่สูบบุหรี่ก็ยังมีการซื้อบุหรี่ต่อเนื่องไม่เกี่ยวกับว่าช่วงโควิด-19 ระบาดหรือการที่รณรงค์งดสูบบุหรี่ของรัฐบาล ส่วนปัญหาที่ ยสท.กำลังประสบขณะนี้ คือ คนหันไปสูบบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากราคาบุหรี่ของไทยปรับราคาขึ้นไปเกือบเทียบเท่าราคาบุหรี่ต่างประเทศ เพราะมีการจัดโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ในช่วงที่ผ่านมา”

ทั้งนี้ ในเดือนต.ค.นี้ ยสท.จะดำเนินการปราบปราบบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจังร่วมกับตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา พบปัญหาบุหรี่ลักลอบนำเข้ามาจำนวนมากจาก 9% เพิ่มขึ้นเป็น 26% โดยขณะนี้ ยสท. ได้ส่งพนักงานไปอบรมกับผู้เชียวชาญเรื่องการจับบุหรี่ปลอมเรียบร้อยแล้วโดยจะเริ่มดำเนินการตั้งจุดตรวจแถบชายแดน อาทิ จังหวัดชลบุรี จันทบุรี สระแก้ว เป็นต้น เป็นอันดับแรก

นอกจากนี้ จะนำที่ดินที่ ยสท.ครอบครองอยู่ ไปทำให้เกิดประโยชน์หรือทำให้เกิดรายได้เพิ่มแก่องค์กร เช่น ที่ดินใจกลางเมืองจังหวัดเชียงราย 17 ไร่ ใจกลางเมืองจังหวัดเชียงใหม่และริมแม่น้ำปิง 720 ไร่ ที่ดินจังหวัดหนอง คาย และจังหวัดนครพนมอีก 20 ไร่ และที่ดินใจกลางกรุงเทพมหานครติดริมแม่น้ำกว่า 5 ไร่ เป็นต้น โดยจะเปิดประ มูลเพื่อให้เอกชนเช่าที่ดินเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันมีเอกชนรายใหญ่สนใจซื้อที่ดินจำนวนมาก