ดราม่า ลุงพล-นักข่าว ภาพสะท้อนความบิดเบี้ยวสังคม-สื่อ

เหตุการณ์ “ลุงพล” ผู้ต้องสงสัยที่ได้รับความเห็นอกเห็นใจจนกลายเป็น “คนดัง” ปะทะกับ “นักข่าว” ที่เฝ้ารายงานข่าวอย่างใกล้ชิด บอกอะไรกับเรา? 

วันที่ 19 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดี “น้องชมพู่” กลับมาอยู่ในความสนใจของประชาชนอีกครั้ง เมื่อมีการนำตัว “ลุงพล” นายไชย์พล วิภา เข้าเครื่องจับเท็จ พร้อมพ่อแม่และญาติพี่น้องของน้องชมพู่รวม 7 คน

โดยระหว่างที่ผู้ติดตามข่าวจับตารอดูว่าตำรวจจะออกหมายจับใครนั้น ลุงพลได้ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว แม้แต่สื่อที่เกาะติดการรายงานข่าวลุงพลมากที่สุด

ล่าสุด ข่าวสด รายงานว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จังหวัดมุกดาหาร เข้าไปตรวจสอบที่ ไม้ตะเคียน ที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภีข้างบ้านลุงพล โดยมีผู้สื่อข่าวและยูทูบเบอร์จำนวนมากไปรอติดตามทำข่าว

แต่ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวรอสัมภาษณ์ ลุงพลเกิดปะทะกับผู้สื่อข่าวช่องอมรินทร์ทีวี โดยลุงพลเข้าไปพยายามแย่งไมค์มาถือเอง พร้อมบอกว่า “ขอถือหน่อย ปล่อย ๆ ไม่เป็นไร ขอผมถือหน่อยดิ” จากนั้นก็เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และมีตบหลังผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว ก่อนผลักและตรงเข้ากระชากหน้ากากของผู้สื่อข่าว กระทั่งมีคนพยายามเข้ามาแยกออก ซึ่งผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้พูดว่า “ผมมาทำหน้าที่ของผม ทำไมต้องให้ผมหยุดพูดด้วย ผมผิดอะไร”

ส่วนอีกคลิป ลุงพลเดินเข้าหานักข่าว ก่อนจะตะโกนถามว่า “คุณมาถ่าย คุณขออนุญาตผมหรือยัง” จนยูทูบเบอร์ที่ติดตามลุงพลต้องรีบเข้ามาห้าม บอกว่า ใจเย็น ๆ ซึ่งลุงพล ได้บอกว่า “ถ้ามาถ่ายจะแจ้งความนะ”

โซเชียลสะท้อนปรากฏการณ์ “ลุงพล” หัวร้อน

หลังข่าวอาการ “หัวร้อน” ของลุงพล แพร่สะพัด ชาวเน็ตพากันแสดงความเห็นเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ทำให้ #ลุงพล ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ของทวิตเตอร์ประเทศไทย

ผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์รายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมลุงพลต้องอยากถือไมค์ขนาดนั้น แล้วทำไมต้องทุบหลังนักข่าวแรง ๆ ที่สำคัญ นักข่าวที่โดนทุบหลังสามารถฟ้องได้หรือไม่

ส่วนผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายแสดงความเห็นว่า นักข่าวช่องที่ลุงพลไปผลักเขา เป็นช่องที่ทำให้ลุงพลมีพื้นที่ในสังคมและวงการ

ชาวเน็ตบางคน แคปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Amarin News ของ “อมรินทร์ทีวี” ซึ่งเกาะติดข่าวลุงพลใกล้ชิด โดยชาวเน็ตได้เพิ่มข้อความที่ภาพว่า “แม่สร้างขวัญได้ แม่ก็ทำลายขวัญได้” (อ้างอิงจากดราม่านักแสดงสาว “ขวัญ อุษามณี” กับแม่)

แต่ผู้ใช้ทวิตเตอร์บางส่วนมองว่า เรื่องราวของลุงพลนั้น สะท้อนความบิดเบี้ยวของสังคมและสื่อได้เป็นอย่างดี และลุงพลเองก็เป็นเหยื่อของสื่อ

นักข่าวเปิดใจหลังถูกลุงพลทำร้ายร่างกาย

นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือ ฟ้า ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี เปิดเผยหลังถูกลุงพลทำร้ายร่างกาย กับ ข่าวสดออนไลน์ ว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่ลุงพลของขึ้น ตรงเข้าทำร้ายร่างกาย ในขณะที่ตัวเองกำลังทำหน้าที่สื่อมวลชน ยืนยันว่า ณ เวลานั้น ยังไม่มีการสัมภาษณ์หรือสอบถามข้อมูลใดจากลุงพล เป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จังหวัดมุกดาหาร กำลังชี้แจงข้อความในเอกสารร้องเรียนให้ลุงพล ฟัง

แต่จู่ ๆ ลุงพลก็มาดึงไมค์จากมือ พร้อมถามว่า “นี่ช่องไหน ๆ” แต่ตัวเองไม่ยินยอม ทำให้ลุงพลยิ่งเกิดอาการโมโห ก่อนใช้มือทุบหลัง 2 ครั้ง แล้วผลักไหล่ ซึ่งตอนนั้นตัวเองพยายามร้องบอกว่า อย่าทำร้ายผม ๆ แต่ลุงพลก็ไม่ฟัง พร้อมกับปรี่เข้ามาใช้มือพยายามบีบคอ และกระชากหน้ากากอนามัยออกด้วย ก่อนที่จะมีคนมาแยกลุงพลออกไปจากที่เกิดเหตุ

เหตุการณ์ครั้งนี้ผู้สื่อข่าวยืนยันว่า ไม่ใช่การหยอกล้อกันแน่นอน เพราะขณะที่ลุงพลเข้ามาทำร้ายร่างกายสังเกตเห็นได้ว่ามีการกัดฟันเข้ามาด้วยท่าทีที่ขึงขัง น้ำเสียงดุดัน และที่ชัดเจนจากภาพที่ถูกนำเสนอออกไป จะเห็นได้ว่าตัวเองพยายามพูดตลอดว่าอย่าเข้ามาทำร้าย

หลังจากนี้เตรียมเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.กกตูม จังหวัดมุกดาหาร เพราะรู้สึกกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ที่หลังจากนี้อาจจะถูกคุกคามในลักษณะอื่นอีกก็เป็นไปได้

น้องฟ้า ผู้สื่อข่าวยืนยันว่า ตัวเองเป็น 1 ในผู้สื่อข่าวที่มาเกาะติดคดีน้องชมพู่อยู่เป็นระยะ และมีความคุ้นเคยกับลุงพล ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพฤติกรรมลักษณะนี้ ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจ และไม่คาดคิดว่าลุงพลจะกล้าทำ

ผบ.ตร.เผยผลจับเท็จจบสัปดาห์นี้

ก่อนที่ดราม่าลุงพลจะลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ มติชน รายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการนำชาวบ้านกกกอกมาเข้าเครื่องจับเท็จว่า ผลอย่างเป็นทางการยังไม่ออก และเมื่อผลออกมาอย่างเป็นทางการ ต้องมีการแปลผล และฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2-3 ท่าน คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้

“ไม่ใช่จะจบแค่เครื่องจับเท็จ เราต้องฟังผลจับเท็จจริงของทุกคน ไม่ใช่แค่ของนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ซึ่งผลของเครื่องจับเท็จสามารถนำมาเป็นพยานในชั้นศาล แต่ต้องฟังเหตุผลอื่นประกอบด้วย”

พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า ทราบว่าสังคมติดตามอยู่ ตำรวจก็ทำด้วยความรอบคอบ ต้องมีพยานหลักฐานแน่นหนาไม่ให้ผู้ต้องหาดิ้นหลุดได้ในชั้นศาล อย่างที่บอกว่า คนทำผิดทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ คงนอนไม่หลับอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ตนเห็นคลิปของลุงพลวันนี้แล้ว มีคนส่งมาให้ดู พฤติกรรมที่เกิดขึ้นคงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วิเคราะห์ ถามว่าจะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า อยู่ที่ว่าผู้เสียหายจะมาแจ้งความหรือไม่