
ก.ล.ต.ย้ำเกณฑ์คุณสมบัติลงทุนคริปโทฯ แค่วาง “ตุ๊กตา” เพื่อเปิดเฮียริ่ง ต้องรอสรุปผล ชี้ยังไม่เป็นกฎหมาย ขอยึดหลักทุกความเห็นคือความร่วมมือ เผยล่าสุดผู้แสดงความคิดเห็นเข้ามาแล้วกว่า 6,000 ราย โชว์ยอดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่ง 4.8 แสนบัญชี พบเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สูงถึง 3% มากกว่าผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ หวั่นไม่มีความรู้ความเข้าใจ

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวในการเสวนา “เจาะทุกประเด็นการกำหนดคุณสมบัติผู้ลงทุนในคริปโทฯ” ว่า ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต.ยังไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติผู้ลงทุนในคริปโทฯ ออกมาบังคับใช้ แต่อยู่ในขั้นตอนการเปิดรับความเห็น(เฮียริ่ง) ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.64 และจะไปสิ้นสุดในวันที่ 27 มี.ค.64 ซึ่งหลังจากที่เปิดรับฟังมาจนถึงขณะนี้มีผู้แสดงความคิดเห็นมาแล้วกว่า 6,000 ราย
สาเหตุที่ต้องเปิดรับฟังความเห็น เนื่องจากหลังติดตามสถานการณ์การซื้อขายตลาดคริปโทเคอเรนซีที่ค่อนข้างผันผวนสูงมาก และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่นๆ ซึ่งเป็นตลาดที่ซื้อขายทั่วโลก ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน
โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลายๆ ประเทศเริ่มออกมาตรการกำกับดูแลและออกคำเตือนผู้ลงทุน อาทิ ฮ่องกง, อังกฤษ, อินเดีย เป็นต้น ดังนั้น ก.ล.ต.ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล และมีหน้าที่ติดตามสภาพการซื้อขายคริปโทเคอเรนซีอย่างใกล้ชิด จึงออกเฮียริ่งเพื่อกำหนดขอบเขต
ซึ่งขณะนี้พบว่าเริ่มเห็นผู้ลงทุนรายใหม่ที่สนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อยู่ถึง 3% ของผู้ลงทุนในคริปโทเคอเรนซีทั้งหมด ถือว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ แต่มีเพียงบางส่วนที่มีประสบการณ์ลงทุนในคริปโทฯ ก.ล.ต.จึงห่วงใยและพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้ลงทุน รวมถึงออกคำเตือนผู้ลงทุนเพื่อให้ตระหนักในข้อเท็จจริงเหล่านี้ พร้อมกำชับผู้ประกอบธุรกิจ ที่ปัจจุบันมีศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว 7 แห่งในไทย จะต้องให้ข้อมูลลูกค้าอย่างเหมาะสม และทำแบบประเมินความเสี่ยงด้วย
“หลังจากติดตามความเห็นในโซเชียลมีเดีย บางคนใช้คำว่าเป็นกฎหมาย บางคนใช้เป็นกฎเกณฑ์ ขอเน้นย้ำว่ายังไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น นอกจากการทำรับฟังควาเห็นตามหลักเชิญชวนทุกคนมามีส่วนร่วม(Engagement) เพราะทุกความเห็นคือความร่วมมือ
ส่วนที่ตั้งคุณสมบัติในเฮียริ่งโดยใช้หลักรายได้ หรือความรู้เป็นเพียง “ตุ๊กตา” สอบถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ มีข้อเสนอแนะอื่นหรือไม่ ซึ่งสามารถเสนอแนะความเห็นเข้ามาได้ เพื่อจะนำไปเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.พิจารณาต่อไป” เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว

นางสาวจอมขวัญ คงสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า คริปโทเคอเรนซีเป็นทางเลือกลงทุนช่องทางหนึ่ง โดยช่วงที่ผ่านมามีเหตุผลสนับสนุนที่ทำให้คริปโทฯ มีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น คือ ภาวะดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องสูงเป็นเวลานาน ทำให้ผู้ลงทุนแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ขณะเดียวกันหลายๆ รัฐบาลใช้นโยบาย QE ปั้มเงินจนทำให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลต่อค่าเงินลดลง ทำให้บริษัทหลายแห่ง เช่น ในสหรัฐฯ เมื่อค่าเงินดอลลาร์ลดลง เลือกที่จะถือบิตคอยน์มากกว่าที่จะถือสกุลเงิน U.S. Dollar เพราะกลัวค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่ามากกว่าความผันผวนของราคาบิตคอยน์ และอีกเหตุผลที่น่าสนใจคือ ความเคลื่อนไหวของตัวราคาคริปโทฯ ไม่ได้เคลื่อนไหวไปตาม Traditional Asset ไม่เหมือนหุ้น ทำให้ผู้ลงทุนมีการนำคริปโทฯ เข้ามาผสมในพอร์ตการลงทุน เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทน
โดยมูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในเดือน พ.ค.2561 มูลค่าอยู่ที่ 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 62 ตกลงไปเหลือมูล่า 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมาในปี 63 เพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อเดือน ก.พ.64 ที่ผ่านมา มูลค่าพุ่งขึ้นไปเป็น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐไปแล้ว สะท้อนให้เห็นว่าความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัลค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็ว
“ไม่มีใครรู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของคริปโทฯ เป็นเท่าไหร่ เพราะขึ้นกับคนทั่วโลกที่จะยอมรับหรือเห็นคุณค่า หรือพึงพอใจในตัวเหรียญ และทุกคนสามารถเข้าถึงซื้อขายได้ทุกที่ทุกเวลา ราคาไม่มีเพดานไม่มีเซอร์กิตเบรกเกอร์ ขึ้นกับดีมานด์ซัพพลาย ราคาที่เคลื่อนไหวขึ้นลงวันละ 20% หรือ 50% ต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ ทำเศรษฐีเป็นยาจกได้ชั่วพริบตา โดยบิตคอยน์เคยทำสถิติ 3 วัน ลดลง 83% มีความผันผวนและเสี่ยงสูงจริงๆ ” นางสาวจอมขวัญ กล่าว
ทั้งนี้เมื่อครั้งแรกที่ ก.ล.ต.ออก พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ปี 2561 มองว่าผู้ลงทุนคือแฟนพันธุ์แท้ที่รู้จักสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอย่างดี จึงไม่ได้เน้นการคุ้มครองผู้ลงทุน แต่เมื่อเวลาผ่านไปพบว่ามีการเปิดบัญชีของผู้ลงทุนเพิ่มจากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 2 แสนกว่าบัญชี แต่ต้นปี 2564 สูงไปถึง 4.8 แสนบัญชี และโปรไฟล์ผู้ลงทุนพบว่าอายุน้อย เข้ามาเล่นด้วย จึงไม่มั่นใจว่าผู้ลงทุนเป็นแฟนพันธุ์แท้จริงหรือไม่
ก.ล.ต.มีความเป็นห่วง 2 ประเด็น คือ 1.ความรู้ความเข้าใจของผู้ลงทุน ถ้าไม่เข้าใจคือความเสี่ยงมากที่สุด เพราะคริปโทฯเป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนสูงมาก ผู้ลงทุนบางรายอาจจะเห็นคนอื่นลงทุนแล้วประสบความสำเร็จแล้วอยากรวยบ้างจึงลงทุนตามกระแส หรือกลัวว่าจะตกขบวน อยากรวยทางลัด ไม่ได้ศึกษาข้อมูลที่จำเป็นอย่างเพียงพอ
2.ความสามารถในการรับความเสี่ยง ถือป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะผันผวนสูงมาก อาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือสูญเสียเงินต้นทั้งหมด ขณะที่บางรายอาจนำเงินร้อนไปลงทุน เช่น เงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันต้องจับจ่ายใช้สอย หรือใช้เงินเก็บทั้งหมด โดยไม่กระจายความเสี่ยง หรือใช้เงินกู้
อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.ก็มีความกังวลว่าสิ่งที่ออกไปอาจทำให้เกิดผลกระทบโดยไม่คาดคิด เช่น นักลงทุนเห็นว่าจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ การปิดกั้น ผู้ลงทุนอาจจะหนีไปเทรดในต่างประเทศ ตลาดที่ไม่มีความคุ้มครอง จึงเปิดการรับฟังเห็นอย่างแท้จริง เพราะอยากเห็นอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างแข็งแรงและมั่นคง ซึ่งจะต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสมที่สุด