เงินทุนต่างชาติไหลกลับกลุ่ม TIP หนุนหุ้นไทย “ไซต์เวย์อัพ” จับตาแผนเปิดประเทศ

ตลาดหุ้น
ภาพ Pixabay

เงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ากลุ่ม TIP หนุนเซนติเมนต์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า “แกว่งไซต์เวย์อัพ” บล.กสิกรไทย คาดแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,550-1,560 จุด ส่วนแนวรับบริเวณ 1,500 จุด จับตาแผนเปิดประเทศ “ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย” ชี้ปี’64 เป็นปีเงินทุนไหลเข้าไทย

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า(8-12 มี.ค.64) ว่า ภาวะตลาดน่าจะเป็นภาพแกว่งไซต์เวย์อัพ จากที่คาดว่าตลอดเดือน มี.ค.จะมีเงินทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์) ไหลกลับเข้ามาลงทุนในกลุ่ม TIP (ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์) โดยมองกรอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,550-1,560 จุด ส่วนแนวรับบริเวณ 1,500 จุด

โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ทิศทางการเปิดประเทศของไทยที่จะเปิดได้เร็วกว่าแผน จากสิ่งที่สาธารณสุขเปิดเผยว่าเตรียมเปิดประเทศออกเป็น 4 เฟส ซึ่งน่าจะหนุนเซนติเมนต์ตลาดหุ้นไทย และภาพราคาน้ำมันที่แข็งแรงกว่าที่คาด ซึ่งเป็นหุ้นบวกนำตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มี.ค.64 (ปิดตลาด +10 จุด)

ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย มองเป้าดัชนีช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 1,575 จุด แต่ยังมีอัพไซต์ เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล(บอนด์ยีลด์) ที่ปรับตัวขึ้นมาแรงกว่ากำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.) แต่ท้ายที่สุดแล้วประเมินว่ากำไร บจ.ปี 64 จะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นตาม

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ปี 2564 น่าจะเป็นปีที่เงินทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย สัญญาณเริ่มเห็นตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไป เนื่องจากไทยจะเป็นประเทศท้ายๆ ที่จะมีการฉีดวัคซีนและได้ภูมิคุ้มกันหมู่ แต่ไทยยังไม่มีแผนเปิดประเทศอย่างชัดเจน ทำให้การคาดเดาการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้ค่อนข้างลำบาก

แต่ปีนี้ความน่าสนใจไทยจะเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตแค่ 2% กว่าๆ แม้ว่าฐานปีที่แล้วจะต่ำมากๆ แต่ก็เชื่อว่ายังมีปัจจัยหนุนทำให้เงินไหลเข้าคือ การฟื้นตัวเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังค่อนข้างแรงกว่าครึ่งปีแรก และถ้าเปิดประเทศได้เร็วก็จะยิ่งมีโมเมนตัมฟื้นตัวต่อเนื่องไปยังปี 2565 ตลอดทั้งปี ที่น่าจะได้ผลประโยชน์เต็มๆ จากการฉีดวัคซีน และการกลับคืนมาของนักท่องเที่ยว
รวมไปถึงสภาพคล่องในประเทศที่ประเมินผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล(บอนด์ยีลด์) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหนักๆ จนทำให้ตลาดหุ้นไม่น่าสนใจมองว่าเซนติเมนต์ยังน้อยอยู่ และประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่โตแค่ 2% โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะสวนทางคงยาก
“ขณะเดียวกันสภาพคล่องต่างประเทศก็มีเยอะ ตอนนี้ลังเลจากความผันผวนในตลาดบอนด์เกิดขึ้น แต่เงินก็ยังคงไหลเข้าตลาดหุ้น แต่ยังอยู่ในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว(DM) ที่มีความคืบหน้าเปิดประเทศและการฉีดวัคซีน แต่สุดท้ายเงินจะไหลออกมาเพราะ มูลค่าหุ้นตลาดเกิดใหม่(EM) ถูกกว่าค่อนข้างเยอะ” นายไพบูลย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ประเมินว่าหุ้น Old Economy จะมีประสิทธิภาพ(Outperform) กว่าหุ้น New Economy จากที่ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว อาทิ หุ้นท่องเที่ยว, หุ้นธนาคารพาณิชย์, หุ้นพลังงาน
“ปีนี้นักวิเคราะห์น่าจะมีการปรับกำไรต่อหุ้น(EPS) และเป้าหมายดัชนี SET INDEX เพิ่มขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดคล้องทิศทางโควิด ซึ่งอาจต้องรอสำรวจอีกรอบ เนื่องจากกำไรช่วงไตรมาส 4/63 ของหลายบริษัทจดทะเบียนดีกว่าคาด” นายไพบูลย์กล่าว