คณะอนุกรรมการ CPTPP เตรียมดันตั้งกองทุนเอฟทีเอ ต่อ กนศ.

ประชุมคณะอนุกรรมการ CPTPP

กระทรวงพาณิชย์ หารือคณะอนุกรรมการฯ ด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอ ขานรับข้อเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญสภาผู้แทนฯ ให้ตั้งกองทุนช่วยเหลือ ที่ประชุมเห็นพ้อง ดันแผนการจัดตั้งกองทุน FTA ของพาณิชย์เป็นกลไกในการช่วยเหลือ เร่งทำแผนเสนอ กนศ.

วันที่ 31 มีนาคม 2564 นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง CPTPP ด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564

ซึ่งที่ประชุมรับทราบข้อเสนอที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ CPTPP ของสภาผู้แทนราษฎร ขอให้รัฐบาลเร่งจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแผนการดำเนินการของส่วนราชการเพื่อจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอดังกล่าว

สำหรับคณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ เป็น 1 ใน 8 คณะ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาแนวทางช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และให้เสนอแผนงานฯ ต่อที่ประชุม กนศ. เพื่อประมวลความพร้อมหรือไม่พร้อมของประเทศไทยในประเด็นต่างๆ และพิจารณานำเสนอ ครม. ต่อไป

สำหรับคณะอนุกรรมการฯ ประกอบด้วยผู้แทนจาก สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์

โดยที่ประชุมรับทราบว่า ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า (กองทุนเอฟทีเอ) ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน และมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงาน ซึ่งได้ดำเนินการหารือเรื่องการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอมาเป็นระยะ

โดยการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยจะต้องเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อพิจารณาก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามขั้นตอน รวมทั้งจะต้องมีการจัดทำกฎหมายใหม่ ซึ่งจะเป็นกฎหมายเฉพาะที่ต้องเสนอให้รัฐสภาเห็นชอบอีกด้วย

ทั้งนี้ ถึงแม้การดำเนินการเพื่อจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอจะคืบหน้าไปมาก แต่ยังมีประเด็นเรื่องแหล่งรายได้ของเงินกองทุนฯ ที่ไม่สามารถพึ่งพารายได้จากงบประมาณภาครัฐเพียงแหล่งเดียว แต่จำเป็นต้องมีรายได้จากแหล่งอื่นเสริมด้วย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคเอกชนที่จะได้หรือเสียประโยชน์จากเอฟทีเอ

และเมื่อหาข้อสรุปได้แล้ว ก็จะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนของกระทรวงการคลังต่อไป โดยคาดว่า หน่วยงานจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี เพื่อดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ CPTPP ในการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ ซึ่งที่ประชุมฯ เห็นชอบให้เสนอแผนงานดังกล่าวต่อรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เพื่อเสนอ กนศ. ต่อไป