ttb analytics คาดดอกเบี้ยสหรัฐขาขึ้น หนุนเงินบาทอ่อนถึงปี’65

แฟ้มภาพ

ttb analytics คาดทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นสหรัฐ หนุนเงินบาทอ่อนต่อเนื่องถึงปีหน้า แนะธุรกิจวางแผนรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้น

วันที่ 21 ตุลาคม 2564 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี หรือ ttb analytics คาดทิศทางเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อในปี 2565 แม้เศรษฐกิจไทยจะมีการฟื้นตัวในด้านท่องเที่ยว แต่ประเด็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ตามสภาพอัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐมีการแข็งค่าต่อเนื่อง คาดเม็ดเงินไหลกลับสหรัฐ ประเมินกรอบค่าเงินบาทปี 2565 ไว้ที่ 33.5-35.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แนะธุรกิจวางแผนรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น

คาดธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายปี’65

โดยทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนกันยายน ซึ่งข้อมูลทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวด้านการบริโภคและตลาดแรงงาน โดยอัตราการว่างงานของสหรัฐ ปรับตัวลงต่ำสุดนับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ที่ 4.8%

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ระดับสูงในระยะยาว อันเป็นผลจากปัจจัยพื้นฐานด้านพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบ ส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งและต้นทุนการผลิตมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงในปี 2565

ดังนั้น ธนาคารกลางสหรัฐอาจมีแนวโน้มพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2565 หลังจากที่การประชุมเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐได้แสดงถึงแนวทางการดำเนินนโยบายด้านการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น เห็นได้จากการวางแผนลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ (Quantitative Easing: QE) เพื่อลดขนาดสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้มากขึ้นว่าปี 2565 ธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1-2 ครั้ง

ประเมินทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น หนุนเงินบาทอ่อนค่า

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐปี 2565 อาจไม่สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ที่มีความจำเป็นต้องคงอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความแตกต่างของอัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยอาจส่งผลให้เม็ดเงินจากภูมิภาคเอเชีย ไหลกลับเข้าสู่สหรัฐ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ปี 2565 สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีแนวโน้มแข็งค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และส่งผลให้สกุลเงินบาทและสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ อ่อนค่าลง

ในอดีตการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการอ่อนค่าของสกุลเงินบาท โดยในปี 2558 ธนาคารกลางสหรัฐมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรก ภายหลังวิกฤตการเงินซับไพร์ม ซึ่งได้คาดการณ์ล่วงหน้าถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ช่วงต้นปี 2558

และการคาดการณ์นี้ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีการแข็งค่าเพิ่มขึ้น สกุลเงินบาทและสกุลเงินเอเชียปรับตัวอ่อนค่าเพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่ากว่า 11.7% จากระดับ 32.34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 และขยับไปที่ระดับสูงสุด 36.37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน 2558

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับค่าเงินบาทไทย ส่งผลกระทบเช่นเดียวกันต่อสกุลเงินต่าง ๆ ทั่วเอเชีย โดยสกุลเงินที่ได้รับผลกระทบมากในช่วงเวลาดังกล่าวคือ สกุลเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย และรูปีของอินเดีย ซึ่งอ่อนค่าที่ 7%

ปัจจัยภายในประเทศอาจหนุนบาทแข็งระยะสั้น ระวังความผันผวนมากขึ้น

ทั้งนี้ แม้ภาพรวม ค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ จากการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวในปีหน้า อาจส่งผลให้เกิดความต้องการของค่าเงินบาทเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น ประกอบกับการเป็นประเทศที่มีการอ่อนค่าเงินสูงสุดเป็นอันดับแรกของเอเชียในปี 2564 อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทที่มีการปรับตัวแข็งค่าในระยะสั้น และมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้น จากการเก็งกำไรค่าเงินของนักลงทุนต่างชาติ

ดังนั้น ภาคธุรกิจควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เช่น การทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (FX forward) การจองสิทธิที่จะซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (FX options) เพื่อปิดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินที่อาจพุ่งสูงขึ้นในปี 2565 ซึ่งจะสามารถช่วยรักษาความสามารถทำกำไรจากการส่งออกและบริหารต้นทุนการนำเข้าของภาคธุรกิจได้ดีขึ้น