บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ราคาหุ้นอยู่ที่ 10.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท ราคาเหนือจอง 17.7% จากราคาไอพีโอ (IPO) ที่ 8.50 บาท ระดมทุนเสริมความแกร่งทางการเงิน-ต่อยอดและยกระดับการผลิตสร้างสรรค์คอนเทนต์-เป็นทุนหมุนเวียนกิจการและชำระคืนหนี้
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE เริ่มซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้เป็นวันแรกในกลุ่มอุตสาหกรรม บริการ หมวดธุรกิจ สื่อ และสิ่งพิมพ์ ราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 10.00 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือคิดเป็น 17.7% จากราคาเสนอขายครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 8.50 บาทต่อหุ้น
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
ด้าน ONEE ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งประกอบธุรกิจด้านสื่อและความบันเทิง ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การเป็นผู้สร้างสรรค์และผลิตรายการ จนถึงปลายน้ำ คือ การเป็นเจ้าของช่องทางเผยแพร่ที่ครอบคลุมทั้งช่องทางออฟไลน์ และ ออนไลน์
บริษัทมีหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และจำนวนหุ้นชำระแล้ว (หุ้นสามัญ) จำนวน 2,381,250,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 2.00 บาทต่อหุ้น ทุนชำระแล้ว 4,762,500,000.00 บาท จำนวนหุ้นไอพีโอ (IPO) 496,252,500 หุ้น ประกอบด้วย
- หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัท ไม่เกิน 476,250,000 หุ้น
- หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยซีนาริโอไม่เกิน 20,002,500 หุ้น
นอกจากนี้ ONEE ได้เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงกำไรไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 262 ล้านบาท จากไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 113 ล้านบาท ส่วนกำไรครึ่งปีนี้อยู่ที่ 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 151% จากจำนวน 181 ล้านบาทในงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 63 หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 8.4% และ 16.4% ในงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 63 และงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 64 ตามลำดับ
ONEE รายงานกำไร 455 ล้าน เพิ่มขึ้น 151% ซื้อขายตลาดหุ้นวันแรก 5 พ.ย.
สำหรับวัตุประสงค์การใช้เงินหลังระดมทุน รวมทั้งสิ้นประมาณ 3,443-3,908 ล้านบาท มีดังนี้
บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นทั้งในบริษัทใหญ่และบริษัทย่อยไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติตามงบการเงินรวมของบริษัท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอาจกำหนดการจ่ายเงินปันผลและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่แตกต่างไปจากอัตราที่กำหนดไว้นี้ได้ โดยคำนึงถึงผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน กระแสเงินสด เงินทุนหมุนเวียน แผนการลงทุนและการขยายธุรกิจ สภาพตลาด ภาระหนี้สิน
โดยเงื่อนไขและข้อจำกัดตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืมเงิน และความเหมาะสมอื่น ๆ ในอนาคตของบริษัท รวมทั้งความจำเป็น ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งคณะกรรมการบริษัทย่อยพิจารณาเห็นสมควร